“ประยุทธ์” ลั่นไม่เคยรับเงินทุจริต ย้ำเรือดำน้ำจำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตย ชี้ชีวิตมีความเสี่ยง บ่นเสียดายเงินใช้หนี้จำนำข้าว 7 แสนล้าน ยันนายกฯ ไม่ชนะ-ไม่มีอำนาจ น้อยใจ ไม่รักไม่ว่า แต่ต้องรักประเทศ
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลัง น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายกรณีเหมืองทองอัครา และการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า “การจัดซื้อจัดจ้างของกระทรวงกลาโหมเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง มีคณะกรรมการพิจารณาและขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างก็ไปตามอำนาจที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ผมในฐานะ รมว.กลาโหม ได้ย้ำเตือนเรื่องความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา และผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างเลย ฉะนั้น อย่ามาอ้างว่าผมได้ประโยชน์จากตรงนี้ ผมบอกแล้วเงินที่ไม่สุจริต ผมไม่รับทั้งสิ้น”
นายกฯ กล่าวว่า กฎหมายใหม่อนุญาตให้มีการถลุงแร่ในประเทศไทยได้ การแก้ปัญหาหลายๆ อย่างต้องแก้ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศชาติได้ประโยชน์ ประชาชนมีงานทำ ซึ่งมีหลายพื้นที่ที่ประชาชนต้องการ ทั้งนี้ การขอสำรวจแร่เป็นขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น ส่วนการดำเนินการเป็นอีกเรื่องหนึ่งสำรวจเจอตรงไหน จะอนุญาตได้หรือไม่ ประชาชนต้องการหรือไม่ นี่คือการทำงานทั้งระบบ ไม่ใช่เป็นประเด็นที่เอาจุดนู้นจุดนี้มาดูแต่เพียงประเด็นเดียว ซึ่งตนรับผิดชอบในฐานะนายกรัฐมนตรีและไม่ได้แก้ปัญหาด้วยอำนาจด้วยคำสั่งอะไร แต่มีการหารือปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยให้ได้โดยเร็ว มันต้องมีคนเดือดร้อน ตนไม่อยากให้ใครเดือดร้อน แต่ก็จำเป็นในบางอย่าง เพราะบางอย่างแก้ปัญหาที่เกิดมาก่อนหน้าตน ถ้าตนไม่พูดก็ไม่รู้ ทำไมรัฐบาลนี้มาแก้ ทำไมไม่แก้ให้เสร็จเรียบร้อย ทำไมต้องมาถึงตอนนี้
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องเรือดำน้ำต้องแยกแยะให้ออกว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์ความมั่นคง ต้องคิดหลายมิติ คนเรามีหลายระดับด้วยกัน ระดับรายได้ แต่ทุกคนมีความเท่าเทียมกันเสมอ ในเรื่องเรือดำน้ำลองพิจารณาดูว่าการขับเคลื่อนประเทศ เราต้องมีการกำหนดทิศทางในหลายด้าน การมีเรื่องดำน้ำเป็นการสร้างความมั่นใจว่าไทยมีศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ พื้นที่ของไทยติดทะเลกว่า 3,000 กิโลเมตร ในยามปกติเรือดำน้ำมีหน้าที่ปกป้องทรัพยากรทางทะเลของไทย รวมถึงการดูแลเรื่องการประมงนอกน่านน้ำ ในน่านน้ำ ขบวนการค้ามนุษย์ในทะเล เรื่องปัญหาเส้นเขตแดน
นายกฯ กล่าวว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำก็มีการทำสัญญา ทยอยจ่ายและผ่อนชำระใช้เวลาก่อสร้างเรือ 6 ปี เขาเอาชีวิตไปฝากไว้ตรงนั้นก็เพื่อคนไทยทุกคนที่มีความสุขอยู่ในประเทศ ขอให้นึกเขาบ้าง เขาเสี่ยง เขาก็มีชีวิตมีครอบครัว คนที่ลงไปอยู่ในเรือดำน้ำเขาก็เสี่ยง แต่ก็เป็นหน้าที่และเป็นความภาคภูมิใจของเขา เราทุกคนต้องภูมิใจความเป็นชาติของเรา ความเข้มแข็งของเรา อธิปไตยของเราตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เราจะทำลายสิ่งนั้นไปทำไม ก็ขอร้องกันด้วยแล้วกัน ถ้าหากไทยไม่ซื้อลำที่ 2 และลำที่ 3 ก็ไม่ต้องจ่ายค่าปรับให้จีน แต่จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของไทย เพราะเราเจรจาด้วยวิธีจีทูจีและเป็นข้อตกลง ทั้งนี้ เมื่อเทียบผลประโยชน์ทางทะเล 24 ล้านล้านบาท แต่ที่ลงทุนไปคิดเป็น 0.093 เท่านั้น ซึ่งมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและสามารถตอบสนองยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
“หลายท่านบอกว่าจะซื้อไปทำไม อาวุธไม่ต้องมี ทหารไม่ต้องมี คิดอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าคิดแบบนี้เราจะอยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า ยามศึกเรารบ ยามสงบเราก็ต้องเตรียมพร้อม หลักการสำคัญมีแค่นี้พร้อมทั้งขวัญกำลังใจคน ถ้าเราไม่ปรับตัวเองมันอยู่ไม่ได้ ชีวิตทุกคนมีความเสี่ยงทั้งหมด แล้วท่านจะรู้สถานการณ์สู้รบจริงๆ เป็นอย่างไร เห็นใจเขาบ้างลูกหลานของท่านทั้งนั้น เขาตายไป เขาเจ็บไปจะทำอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องสูญเสียกำลังพลไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ก็ต้องแก้ไขให้ได้มากที่สุด การที่มีคนจำนวนมากก็ต้องมีคนส่วนหนึ่งที่ใช้ความรุนแรงมากเกินไป ซึ่งตนก็ห้ามทำอยู่แล้วและให้ดูแลเยียวยาผู้ปกครองไปแล้ว วันนี้มีความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมทั้งในทหารหรือประชาชน ท่านต้องการให้เกิดอย่างนั้นหรือ ถ้าเรายุงแยงกันไปจนทุกคนชินกับความรุนแรง ชินกับการใช้กำลัง ชินกับการต่อต้านกฎหมายแล้วจะอยู่กันอย่างไร ท่านจะมีความสุขนั่งกันอยู่ในนี้ไหม
“วันนี้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ มีวิธีการที่เหมาะสมในการบังคับใช้กฎหมาย ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เขาด้วย ซึ่งรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ว่าจะต้องไปละเมิดสิทธิของคนอื่น จะชุมนุมก็ว่าไป อย่าใช้ความรุนแรง ท่านอย่าปฏิเสธผม ใครทำก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมก็เห็นว่าเขาเป็นไทย เขาคือเพื่อนร่วมชาติของผม แต่เขาคิดถึงผมอย่างนั้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แผ่นดินนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เจตนาดีเจตนาไม่ดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขารู้หมด ผมนับถือศาสนาพุทธ ผมก็เชื่อตรงนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้เรามีภาระที่ต้องจ่ายคือการขาดทุนจำนำข้าว อย่าบอกว่าตนไปอ้าง เพราะรัฐบาลต้องรับผิดชอบผ่อนชำระอยู่ ถ้าไม่พูดจะรู้เรื่องกันไหม ไม่ได้ไปเน้นใครก็แล้วแต่ ใครทำก็รับไป โครงการนี้มีภาระที่รัฐชดเชยใช้ไปแล้วกว่า 705,018.05 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ ตนก็เสียดาย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าลืมปัญหาหนี้สาธารณะ เป็นเรื่องธรรมดาที่รัฐบาลต้องรักษาต่อเนื่องกันมา แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องของที่เราต้องแบกภาระในวันหน้าทุกคนต้องมาใช้หนี้ด้วยกัน เพราะเป็นเรื่องการใช้งบประมาณภาครัฐ พี่มาจากภาษีของประชาชน ถ้าเราพูดให้ไม่เข้าใจกันต่อไปมันก็ยุ่งยากมีปัญหากับเรื่องภาษีอีก เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ รัฐบาลไม่ต้องการรีดภาษีจากใคร และไม่ดีมีการขึ้นภาษีตรงไหนโดยเฉพาะในช่วงนี้
“ท่านไม่ชอบผมไม่เป็นไร แต่ท่านไม่ชอบประเทศของท่าน ไม่ควร เพราะประชาชนก็คือประชาชนของเรา ที่เราต่างคนต่างฝ่ายก็รักกันทั้งคู่ คำว่ารักประชาชนเราต้องไม่เลือกว่าใครเป็นใคร แต่กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้วให้ทุกคนอยู่อย่างเป็นปกติ ในประเทศไทยไม่ว่าจะประชาธิปไตยแบบไหนก็ตาม ต้องมีกฎหมายที่ทำให้สังคมสงบเรียบร้อย อันศึกนอกศึกใน ผมไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง หากคนไทยหันมาฆ่ากันเอง เราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง ขอบคุณครับ”