โฆษกรัฐบาล เผย ครม. เห็นชอบโครงการ “มีที่ มีเงิน” สามารถใช้โฉนดที่ดิน/สิ่งปลูกสร้าง ยื่นกู้ธนาคาร พร้อมขยายระยะเวลา ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยไม่เกิน 12 เดือน สำหรับโครงการสินเชื่อฯ ผู้มีอาชีพอิสระ
วันนี้ (15 ก.พ.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปรับปรุงมาตรการการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ขยายระยะเวลาปลอดเงินต้นและดอกเบี้ยในโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 วงเงินสินเชื่อ 40,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุน (ธนาคารออมสิน 20,000 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. 20,000 ล้านบาท) จาก 6 เดือน เป็นรายกรณีไม่เกิน 12 เดือน ขยายระยะเวลากู้จากเดิมที่ให้กู้ไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน เป็น 3 ปี
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเผยว่า การขยายหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด และอาจส่งผลต่อประวัติสินเชื่อในระบบเครดิตบูโร รวมทั้งยังอยู่ภายใต้กรอบงบประมาณชดเชยเดิมตามที่คณะรัฐมนตรีได้มติไว้แล้ว จึงไม่ก่อให้เกิดภาระด้านงบประมาณ
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการ SMEs ในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Supply Chain) ที่มีที่ดินว่างเปล่า และ/หรือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน ใช้ที่ดินว่างเปล่าและหรือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกสิทธิ์ที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินเป็นหลักประกันและไม่ต้องผ่านการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร โดยธนาคารออมสินจะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ให้วงเงินสินเชื่อต่อรายย่อยไม่เกินร้อยละ 70 ของราคาประเมินที่ดินของทางราชการ สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท สำหรับบุคคลธรรมดาและสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคลระยะเวลากู้ 3 ปี ปีแรกอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.10 ต่อปี โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อตั้งได้ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (15 ก.พ. 2564 ) ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด พร้อมยังอนุมัติ 600 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้กับธนาคารออมสินในการดำเนินโครงการด้วย
“วัตถุประสงค์ของโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว ช่วยเสริมสภาพคล่องกิจการท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อไถ่ถอนจากการขายฝากเอกชนที่ทำสัญญาขายฝาก ทำให้ผู้ประกอบยังสามารถรักษาธุรกิจและการจ้างงานไว้ได้” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว