ขนลุกมั้ยล่ะ! “อดีตบิ๊ก ศรภ.” เตือน 3 นิ้วระวัง “รู้ความลับ” อาจถึงตาย ในไทยมี 5 คน “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ประณาม “ผู้แทนอียู” ให้ท้าย “ม็อบ” จุ้นไทย “ชาญวิทย์” ปลุกใหญ่ “รุ้ง” มุ่งสู่ฝัน “ไมค์” ยุยงมวลชน อ้าง “แกนนำ”ติดคุกแทน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 ก.พ. 64) พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่ม “ราษฎร” ระบุว่า
ม็อบในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ถึงการ์ดสารพัดชนิด ในแก๊ง 3 กีบ
หลังจากดูพฤติการณ์ของพวกคุณ ที่ สน.ปทุมวัน แล้ว บอกได้ 3 อย่างครับ
1. แกนนำม็อบที่รู้ความลับมามากนั้น ขอให้ระวังตัวให้ดี ไม่มีใครอยากให้ “ความลับ” ของพวกเขาตกอยู่ในมือของคุณนานๆหรอก มันเป็นกติการะดับสากลเลยทีเดียว
ในไทยก็มีไม่ต่ำกว่า 5 คนแล้ว
เพราะเป็นการทำให้ความลับหายไปอย่างเด็ดขาด และยังเอาไปโจมตีรัฐบาลได้อีกด้วย ถึงขนาดถูกจับแขวนคอหรือตายในคุกก็มี หรือไม่ก็ถูกกระสุนพลาดขณะชุมนุมอยู่ ฯลฯ
เรื่องแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยคณะราษฎร เลยนะครับ ขนาดทูตสหรัฐฯ ยังถูกรถบรรทุกชนตายพร้อมลูกชายเลย
2. คุณเรียกร้องและด่าว่ารัฐบาลไทย เป็นเผด็จการ ลองไปชุมนุมแบบนี้ที่ กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา, มาเลเซีย ฯลฯ กล้าไหมล่ะ เอาแค่ สิงคโปร์ก็ได้ ไปพ่นสีใส่รถตำรวจที่นั่น ซึ่งพวกแกนนำมักพูดว่าเรื่องเล็กๆ หรือมันเป็นการแสดงออกทางระบอบประชาธิปไตยชนิดหนึ่ง
กล้าไหมล่ะ คุกที่นั่นไม่เหมือนคุกไทยนะ สั่งอาหารกินเองไม่ได้แน่นอน
3. พวกที่ไปชุมนุมทั้งหมดแล้วก่อเหตุขึ้นนั้น เมื่อถึงเวลาจะไปทำงาน ทั้งในไทยและกลุ่มอาเซียน มันจะถูกตรวจสอบออกมายืนยันว่า คุณมีประวัติในทางรุนแรง ไม่มีใครเขารับคุณทำงานแน่ๆ
ส่วนพวกที่สนุกเกินขอบเขตมาก โลกในปัจจุบันนี้ ถ้าคุณไปสมัครอะไร เค้าจะยัดชื่อคุณ ใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ให้มันตรวจสอบก่อน ว่าประวัติคุณเป็นมา อย่างไร เครื่องจักรกลพวกนี้มันไม่แบ่งหรอกว่า คุณทำเมื่อยังเป็นเด็กอยู่ หรือเปล่า หรือชอบ แค่เขียนอวดอ้างใน FB ว่าไปทำอะไรที่แรงๆ ที่ไหนบ้าง มันจะเก็บข้อมูลไว้ทุกอย่างครับ และมันก็ตีความเองแบบเครื่องจักรว่า “คุณเป็นคนไม่ดี”
ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “อียู : ท่าทีที่น่ารังเกลียด”
โดยระบุว่า “ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงอียูในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ไม่พอใจบทบาทหน้าที่ และท่าทีของอียูประจำประเทศไทย ที่ทำหน้าที่ไม่สมบทบาททางการทูตที่จะต้องส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอียูกับไทย ประสานผลประโยชน์ระหว่างอียูและไทยให้แน่นแฟ้น
แต่ทุกวันนี้ ผู้แทนอียูประจำไทยกลับทำหน้าที่ไม่สมบทบาทหน้าที่ ทำตัวเป็นเอ็นจีโออียูประจำไทย ทำหน้าที่รับลูกกับท่าทีการเคลื่อนไหวของเอ็นจีโอไทย ที่ต่อต้านสถาบันฯและต่อต้านมาตรา 112 ซึ่งการกระทำดังกล่าว กระทบกับความมั่นคงของไทย
ขอพูดแทนคนไทยทั้งประเทศว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ และจะไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นเหยียดหยาม เราหวังว่า อียูจะไม่ร่วมสนับสนุนการกระทำของพวกหมิ่นสถาบันในไทย และขอยืนยันว่า มาตรา 112 ยังมีความจำเป็นที่ต้องคงไว้ และกฎหมายนี้ไม่ได้มุ่งทำลายใคร ยกเว้นกลุ่มคนที่มีอยู่ไม่ถึง .001% ที่มุ่งทำลายบั่นทอนสถาบันฯ และกระทำผิดกฎหมาย
ขอให้ผู้แทนอียูยึดแนวทางการทูตที่ นางแมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ไม่ต้องการให้ประเทศใดมาสั่งใครทำอะไรหรือต่อต้านประเทศใด แต่ต้องมุ่งเดินไปข้างหน้าด้วยกันเพื่อฟื้นฟูความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ
จำไว้ คนไทยไม่ชอบให้ประเทศใดมาจุ้นจ้านวุ่นวายกับเรื่องภายในประเทศของเรา”
ด้าน นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึง รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่ม “ราษฎร” และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่า
“ขอให้ประสบความสำเร็จ ขอให้ปลอดภัย You do not walk alone
เมื่อคุณเดินผ่านพายุจงกอดคางของคุณไว้สูงๆ
และอย่ากลัวความมืด...
เดินต่อไปตามสายลม
แม้ว่าความฝันของคุณจะถูกโยนและระเบิด
เดินต่อไปด้วยความหวังในใจของคุณ
และคุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย....”
รวมถึง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” แกนนำกลุ่ม “ราษฎร” โพสต์ข้อความบนทวีตว่า
“ลงถนนต่อสู้จนชนะเราก็ดีใจ แต่ถ้ามันแพ้ มันก็ยังได้สู้ด้วยความพยายามแบบเต็มที่ ประเทศนี้มันของพวกคุณทุกคน อยากเปลี่ยนแปลงอะไร อยากแก้ไขตรงไหนก็ออกมาเปลี่ยนด้วยมือตัวเอง ยึดมั่นในอุดมการณ์ มันจะแย่กว่านี้ถ้าพวกคุณได้แต่นั่งมอง #ม็อบ 13กุมภา #ยกเลิก112”
“พวกคุณไม่ต้องกลัว ความเสี่ยงทุกอย่างแกนนำมันแบกไว้ให้หมดแล้ว แพ้ ชนะ ก็ติดคุกให้อยู่แล้ว แต่ขอให้ร่วมสู้ ร่วมรบไปด้วยกันเท่านั้นเอง”
แน่นอน, แม้เราจะรู้ว่า ม็อบ 3 นิ้ว ประกอบด้วยใครบ้าง อยู่ “เบื้องหน้า-เบื้องหลัง” แต่สิ่งที่เราแทบจะคาดเดาเป็นส่วนใหญ่ ก็คือ แนวร่วมของขบวนการ “ล้มเจ้า” ในไทย และเป็นแนวร่วมระดับไหน ระดับล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือไม่
เรื่องนี้ทำให้คำเตือนของ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ เป็นแค่เสียงนกเสียงกา ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยที่สุด เกิดอะไรขึ้น ย่อมกระทบกับคนไทย ไม่ว่า พวกเขาจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม นอกจากนี้ หากมีการโยนผิดให้กับฝายรักษากฎหมาย และรัฐบาลทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ หรือเพื่อหวังให้คนไทยลุกฮือต่อต้านการกระทำดังกล่าว ก็ยิ่งส่วนผลเสียให้กับประเทศไทยอย่างสูง ไม่ว่าชัยชนะจะเป็นของฝ่ายใดในที่สุด ก็ตาม
ดังนั้น การชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ที่นับวันจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกวัน และท้าทายต่อสัญลักษณ์สถาบันหลักอันเป็นที่เคารพสักการะของคนไทยมากขึ้นเป็นลำดับ
แม้แต่ ภูเขาทอง ซึ่งข้อมูลวิกิพีเดีย เผยว่า เป็นเจดีย์บนภูเขาจำลองตั้งอยู่ในวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร จากพระราชประสงค์เดิมของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงดำริให้สร้างพระปรางค์ย่อมุมไม้สิบสองขนาดใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออกของพระนคร คล้ายพระเจดีย์วัดภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
แต่เนื่องจากโครงสร้างมีน้ำหนักมาก ดินเลนในบริเวณนั้นไม่สามารถรองรับได้ องค์ปรางค์จึงทลายลงมา ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการเปลี่ยนแบบให้เป็นภูเขาทองขึ้นดั่งเช่นในปัจจุบัน ซึ่งพระองค์ได้ทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อปี พ.ศ. 2408
การก่อสร้างบรมบรรพต ใช้เวลาถึง 2 รัชกาล คือแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บนยอดเจดีย์มีการบรรจุพระธาตุซึ่งได้รับการบรรจุถึง 2 ครั้ง คือใน ปี พ.ศ. 2420 และ พ.ศ. 2441 มีทางขึ้นทั้ง 2 ทาง ในทิศเหนือและใต้
ปัจจุบันบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ถือเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นในบริเวณเขตนั้นเนื่องจากความสูงกว่า 59 เมตร หรือเท่าตึกสูง 19 ชั้น เคียงคู่กันกับ โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมาก และในช่วงวันลอยกระทง ของทุกปี จะมีงานสำคัญของบรมบรรพตคืองาน พิธีห่มผ้าแดงบรมบรรพตภูเขาทอง ซึ่งมักจัดต่อเนื่องกันยาว 10 วัน....
ม็อบ 3 นิ้ว ภายใต้คณะราษฎร 2563 ยังนัดรวมพล เพื่อเอาผ้าแดงไปห่มเจดีย์ เพื่อระลึกถึงประวัติศาสตร์การต่อสู้ เพื่อเรียกร้องทั้งปัญหาปากท้อง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม รัฐบาลทหาร และชนชั้นศักดินา
ลองคิดดูว่า คนที่คิดเรื่องนี้ ต้องการแนวร่วมจากคนไทย หรือต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงเพื่อหวังผลใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายผู้มีอำนาจ หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า ประวัติภูเขาทอง เป็นทั้งสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ และยังมีความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการทำบุญทำกุศลอีกด้วย นั่นหมายความว่าอย่างไร
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ม็อบราษฎร 2563 ทำให้คนไทยเห็นจนชินตาแล้วว่า พวกเขาถูกคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าใครก็ตามที่มีท่าทีสนับสนุนอยู่ในเวลานี้ ยุยงส่งเสริมให้ทำในสิ่งที่คนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่กล้าทำ ก็เท่านั้นเอง เชื่อหรือไม่ก็ลองตรองดู!!!