อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ชี้เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.นครศรีธรรมราชส่อเค้าเดือด ปชป. เตรียมฟ้อง พปชร. ใส่ร้าย บิดเบือน ทำให้เสียคะแนนนิยม
วันนี้ (13 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้เฟซบุ๊กไลฟ์จากสภากาแฟศูนย์เรียนรู้ประชาธิปไตย บ้านสำนักขัน อำเภอจุฬาภรณ์ กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ว่าเมื่อพรรคพลังประชารัฐส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมด้วยก็ถือว่าเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จึงจำเป็นต้องต่อสู้แข่งขันตามวิถีทางประชาธิปไตย และเมื่อพรรคแกนนำของรัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงมารยาททางการเมืองก็เป็นจิตสำนึกของแต่ละพรรคซึ่งประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินได้
จากการแถลงข่าวของกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐกลุ่มหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา โดยมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแทนไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม เพราะ ส.ส.คนเดิมถูกตัดสิทธิเนื่องจากทุจริตการเลือกตั้ง ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งอีก ถ้าเป็นพรรคพลังประชารัฐก็คงไม่ส่งผู้สมัคร อีกทั้งในการเลือกตั้งที่ผ่านมาผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเป็นที่ 2 จึงมีความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัคร เพราะถ้าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเราจะได้ที่หนึ่งได้เป็น ส.ส.ไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ ส.ส.นครศรีธรรมราช 4 ต่อ 4 คนเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนโครงการคนละครึ่ง”
และยังแถลงข่าวต่ออีกตอนหนี่งระบุว่า “ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม แต่เป็นการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากถูกศาลตัดสินว่าทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงมากในทางการเมือง การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐได้ที่ 2 เรายืนยันได้ว่าถ้าเขาไม่ทุจริตเราก็ได้ที่ 1 ไปแล้ว และเชื่อว่าจะไม่เป็นรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์จะได้ คะแนนเสียงพรรคร่วมก็เท่าเดิมเพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน” ข้อความทั้งหมดเป็นข้อความอันเป็นเท็จ บิดเบือนใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ประชาธิปัตย์เสียหาย และเป็นการกระทำที่อยู่ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งซ่อมแล้ว มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงผู้สมัครและพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง เป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. ตนจะเสนอให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์พิจารณาแจ้งความดำเนินคดีต่อศาลอาญา และยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการกระทำของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคอยู่ร่วมในการแถลงข่าวด้วย แต่ไม่ได้ห้ามปราม หรือทักท้วง ถือว่าเป็นการรู้เห็นเป็นใจการกระทำดังกล่าวด้วยซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้ และระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ หากมีการใส่ร้าย บิดเบือน พาดพิงทำให้ตนและผู้สมัครหรือพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหายก็จะแจ้งความฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป