นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในญัตติเรื่องด่วน คือ ญัตติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 31 ให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามมาตรา 210 (2) คือ รัฐสภาสามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่ ตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้เสนอว่า ตนเองมีความตั้งใจว่าอยากจะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ล้มล้างอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มีอยู่เดิมให้มากที่สุด และเห็นว่ารัฐธรรมนูญฯ สามารถแก้ไขได้ ดังนั้น ตนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว.ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ตามวิธีการในหมวดที่ 16 ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ตนจึงไม่อยากให้มีขั้นตอนใดๆ มาขัดจังหวะการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชน ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะผ่านประชามติของประชาชนด้วยจำนวน 16.7 ล้านเสียง แต่ก็ถูกควบคุมโดยคณะผู้ยึดอำนาจในเวลานั้น
“ผมเชื่อมั่นว่า ส.ส.ที่ได้รับเลือกจากประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความล่าช้า ไม่ตรงใจประชาชน และผมเชื่อว่าพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีหัวใจเป็นประชาธิปไตย ไม่ใฝ่เผด็จการจะไม่ยอมให้มีการการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ด้วยการให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งมาร่วมโหวตด้วย ในแบบบังคับให้ผมต้องร่วมรัฐบาลอย่างครั้งที่ผ่านมา เพราะตอนนี้ประชาชนกำลังรอรัฐธรรมนูญที่เป็นของพวกเขาจริงๆ ไม่ใช่ออกแบบมาเพื่อพวกเรา” นายมงคลกิตติ์กล่าว