ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดังเผย หลัง “บิ๊กจิ๋ว” ย้ายออกจากบ้านตัวเปล่าเมื่อหย่าร้าง แต่อดีตภรรยายกบ้านให้ทหาร-บิ๊กจิ๋วไปนครพนมเข้าบ้านไม่ได้ แถมชื่อหลุดจากเจ้าบ้าน-ส่วนบ้านปิ่นประภาคมโดนจำนอง ผิดเจตนารมณ์
วันนี้ (8 ก.พ.) น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง เปิดเผยว่า หลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี หรือบิ๊กจิ๋ว ย้ายออกจากบ้านตัวเปล่าเมื่อหย่าร้าง แต่อดีตภรรยากลับยกให้ทหารที่เฝ้าบ้านบิ๊กจิ๋ว เจ้าตัวไปนครพนมเข้าบ้านไม่ได้ แถมชื่อหลุดจากเจ้าบ้าน ส่วนบ้านปิ่นประภาคมโดนจํานอง ชี้ผิดเจตนารมณ์บิ๊กจิ๋วที่หวังให้เก็บไว้เป็นที่อาศัย และให้ลูกๆ เพราะผ่อนมาตั้งแต่ยศร้อยโท ยันไม่เคยทําเอกสารลงนามยกให้
“จากที่แยกกันไปด้วยดี ...แต่ได้เกิดกระแสข่าวสะพัดว่า บิ๊กจิ๋ว และคุณหญิงหลุยส์ มีคดีความฟ้องร้องกันนั้น
มีรายงานข่าวจากสมาชิกในตระกูลยงใจยุทธว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 88 ปี และคุณหญิงพันธ์เครือ ลิมปิภมร อดีตภรรยา วัย 82 ปี ต้องขึ้นศาลคดีสินสมรส หลังการหย่าร้างเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา
ด้วยเหตุที่ พล.อ.ชวลิต เป็นชายชาติทหาร เมื่อคุณหญิงพันธ์เครือเป็นฝ่ายขอหย่า ก็ไม่ได้เอาสมบัติใดๆ ติดตัวมาเลย ยกบ้านปิ่นประภาคม นนทบุรี และบ้านนครพนม ให้คุณหญิงพันธ์เครือด้วยวาจา แต่ไม่ได้มีการทําเอกสารใดๆ
แล้วย้ายออกมาอยู่บ้านทาวน์โฮมหลังเล็กๆ ของนางอรทัย สรการ ยงใจยุทธ ภรรยาใหม่ ที่ดูแลกันมานานนับสิบปี ย่านเกษตรนวมินทร์
การหย่าเกิดขึ้นหลังจากที่ พล.อ.ชวลิต เกิดอาการสโตรก ล้ม จนถูกส่งเข้า รพ.วิภาวดีฯ เดินไม่ได้ และรักษาตัวและทํากายภาพบําบัดนาน 3 เดือน โดยมีนางอรทัยดูแลใกล้ชิดตลอด จนย้ายมา รพ.พระมงกุฎเกล้า นอนรักษาอีก 3 เดือน ตอนนั้นใครๆ ก็คิดว่าจะไม่รอด คุณหญิงพันธ์เครือจึงเตรียมจัดการเรื่องทรัพย์สินต่างๆ และหย่าขาดจากกัน โดยที่ พล.อ.ชวลิตแยกตัวออกมาอยู่บ้านนางอรทัยเพื่อดูแลรักษาร่างกาย และทํากายภาพบําบัด รวมทั้งควบคุมเรื่องอาหารการกิน และหยูกยา
ในเวลานั้นจึงไม่ได้จัดการเรื่องทรัพย์สินใดๆ โดยเฉพาะบ้าน เพราะคิดว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคุณหญิงพันธ์เครือ ต่อไป และในอนาคตก็คงจะเป็นของลูกๆ
แต่ภายหลังได้ทราบจากลูกๆ ว่า คุณหญิงพันธ์เครือได้จํานองบ้านปิ่นประภาคม ที่ พล.อ.ชวลิตซื้อมาตั้งแต่ปี 2505 ผ่อนมาตั้งแต่เป็นนายทหารยศร้อยโทนั้นแล้ว
และยกบ้านที่ จ.นครพนม ให้ทหารที่ใกล้ชิดที่ดูแลบ้านมายาวนาน ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของ พล.อ.ชวลิต ที่ต้องการให้บ้านนครพนมเป็นที่พักผ่อนของคนในครอบครัว ส่วนบ้านปิ่นประภาคมก็ให้เป็นที่พักอาศัย และในอนาคตก็ตกเป็นของลูกๆ แต่กลับกลายเป็นยกให้บุคคลอื่น และถูกจํานองไปแล้ว
บ้านที่นครพนมนั้น ได้ถูกเปลี่ยนเจ้าของจากชื่อ พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นเจ้าบ้านอยู่ มากลายเป็นผู้อาศัย และ พล.อ.ชวลิตเคยไปที่นี่ แต่เข้าบ้านไม่ได้ เพราะเปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว
ที่สําคัญ พล.อ.ชวลิตระบุว่า บ้านปิ่นประภาคมเป็นสินส่วนตัวมาก่อน เพราะผ่อนชําระด้วยเงินเดือนตัวเองมายาวนาน แต่ภายหลังเมื่อผ่อนหมดแล้ว ในเวลานั้นได้แต่งงานกับคุณหญิงพันธ์เครือไปแล้ว จึงกลายเป็นสินสมรส
ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิตไม่เคยคิดที่จะเรียกร้องแบ่งสินสมรส เพราะเป็นชายชาติทหาร จึงยกให้ภรรยาเมื่อหย่าร้างกัน อยู่อาศัย แต่ยังไม่ได้ทําเอกสารว่าห้ามขาย หรือยกให้ใคร เพราะเชื่อใจกัน แต่มาทราบว่าบ้านทั้ง 2 หลังถูกใช้ผิด เจตนารมณ์ จึงเสียใจ
พล.อ.ชวลิต จึงต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลเยาวชนและครอบครัว นนทบุรี
แม้ฝ่ายคุณหญิงพันธ์เครือจะยื่นต่อศาลว่ามีเอกสารที่ พล.อ.ชวลิต ลงนามยกบ้านให้คุณหญิงพันธ์เครือแล้ว ก็ตาม แต่ พล.อ.ชวลิต ยืนยันว่าไม่เคยลงนามและทําเอกสารใดๆ ในเรื่องนี้ และไม่เคยกลับไปที่บ้านปิ่นประภาคม อีกเลยตั้งแต่หย่าร้างเมื่อปี 2560
ส่วนบ้านที่นครพนมนั้น ศาลได้เลื่อนการสอบปากคําโจทก์และจําเลย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ออกไปเป็นเดือนมีนาคม 2564 โดยศาลไต่สวน ทั้งโจทก์และจําเลยในคดีบ้านปิ่นประภาคมครบแล้วจะมีการพิพากษาตัดสินในวันที่ 25 ก.พ.นี้”
ฮือฮา!”บิ๊กจิ๋ว-หญิงหลุยส์”แตกหัก! ขึ้นศาลฟ้องร้อง ปมบ้านปิ่นประภาคม-บ้านนครพนม
.
หลังบิ๊กจิ๋วย้ายออกจากบ้านตัวเปล่า เมื่อหย่าร้าง แต่อดีตภรรยายกบ้านให้ทหาร-บิ๊กจิ๋วไปนครพนม เข้าบ้านไม่ได้ แถมชื่อหลุดจากเจ้าบ้าน-ส่วนบ้านปิ่นประภาคมโดนจำนอง ผิดเจตนารมณ์https://t.co/kFTEW8U7F0— Deep Blue Sea (@WassanaNanuam) February 7, 2021