“สุดารัตน์” แนะ 2 ทางออกปมเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ระบุระเบียบ “มหาดไทย” ขัดกฎหมาย ชี้ปัญหาแก้ไม่ยาก กระตุก “หัวหน้ารัฐบาล” ตระหนักสิทธิ-เสรีภาพ-ความเดือดร้อน ปชช.
วันนี้ (3 ก.พ.64) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำกลุ่มสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก กรณีผู้สูงอายุถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพ ว่า ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 มาตรา 11(11) บัญญัติให้ผู้สูงอายุ ได้แก่ บุคคลผู้มีสัญชาติไทยที่มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปมีสิทธิได้รับ “การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพเป็นรายเดือนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม” ซึ่งการได้มาซึ่งสิทธิดังกล่าวมาตรา 12 ของกฎหมายดังกล่าวบัญญัติว่า “ไม่เป็นการตัดสิทธิหรือประโยชน์ที่ผู้สูงอายุจะได้รับตามกฎหมายอื่น”
ทั้งนี้ ในการจ่ายเงินให้กับผู้สูงอายุ กระทรวงมหาดไทยได้ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองท้องถิ่น พ.ศ.2552 ข้อ 6 (4) ว่า จะต้องไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากรัฐ เช่น ผู้รับบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ระเบียบดังกล่าวได้สร้างปัญหาให้กับผู้สูงอายุจำนวนมากที่จะถูกเรียกเงินคืนเพราะเป็นผู้ได้รับบำนาญ เช่น กรณีคุณยายที่ลูกชายเสียชีวิตจากคลังแสงระเบิด เป็นต้น
แต่กรณีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณยายเพียงคนเดียว เพราะมีข้อมูลว่าจะมีผู้สูงอายุทั่วประเทศที่ต้องถูกเรียกคืนเช่นนี้ประมาณ 15,000 คน ที่จะได้รับความเดือดร้อน แม้ล่าสุด นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ชะลอการเรียกคืนหรือฟ้องร้องเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่าจะมีทางออกให้คนชราทั่วประเทศได้อย่างไร โดยวิธีการไหน เมื่อใด หลายครอบครัวทุกข์หนัก ไม่มีเงินใช้หนี้ย้อนหลัง
ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความกล้าหาญที่จะทำหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากระเบียบของกระทรวงมหาดไทยมิได้มีฐานะเป็นกฎหมายจึงไม่อาจขัดหรือแย้งกับมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติผู้สูงอายุที่ไม่ตัดสิทธิผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิตามกฎหมายอื่น ดังนั้นระเบียบกระทรวงมหาดไทยจึงไม่อาจใช้บังคับได้ ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพไปแล้วจึงไม่ต้องคืนเงินให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ว่ากรณีใด
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังเสนอแนะทางออกของเรื่องนี้ที่ทำได้ 2 ทาง คือ
1. กระทรวงมหาดไทย ยกเลิกระเบียบข้อ 6 (4) ที่ขัดกับกฎหมาย หรือออกคำสั่งแจ้งไปยังองค์กรปกครองท้องถิ่นไม่ต้องดำเนินคดีกับผู้สูงอายุ
2. อาศัยระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 25 การแจ้งฐานะคดีและการไม่รับว่าต่าง ที่ให้อำนาจพนักงานอัยการเสนอความเห็นไปยังตัวความคือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าไม่ควรรับดำเนินคดี
“ปัญหาทั้งหมดแก้ไขได้ไม่ยาก หากหัวหน้ารัฐบาลตระหนักถึงสิทธิ เสรีภาพ และความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่ออกมาขัดต่อกฎหมาย จึงสามารถยกเลิกได้ทันที นั่นคืออุปสรรคสำคัญที่กลุ่มสร้างไทยมองว่าการบริหารแบบรัฐราชการเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ.
ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 มาตรา 11(11) บัญญัติให้ผู้สูงอายุ...Posted by คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan on Tuesday, February 2, 2021