“สุพัฒนพงษ์” รับปี 64 ยังต้องประคับประคองเศรษฐกิจ “บีโอไอ –อีอีซี” ตั้งเป้ากระตุ้นการลงทุน 4 แสนล้าน ดึง “ชโยทิต กฤดากร” หัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามนักลงทุน 60 วัน ชัดเจนมาตรการ
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำทีมเศรษฐกิจเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้ น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้มารายงานความคืบหน้าและให้ความมั่นใจในตัวเลขการดูแลเรื่องการลงทุนในประเทศ ซึ่งปี 2564 เป็นอีกปีสำคัญที่เราต้องประคับประคองเศรษฐกิจ ก่อนที่จะมุ่งหน้าเติบโตในปี 2565 โดยปีหน้าจะมีการเตรียมการ 2 เรื่อง คือ เรื่องการลงทุนว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน โดยทั้งอีอีซีและบีโอไอตั้งเป้ารวมกันแล้วประมาณ 400,000 ล้านบาท ที่จะมีการลงทุนในปีนี้กับภาคเอกชน
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของการเดินหน้าธุรกิจใหม่ๆเราจะใช้เวลาในปีนี้ดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ๆเป็นปฏิบัติการเชิงรุก โดยมีการรายงานถึงผู้ที่สนใจจะมาลงทุนในประเทศ ทั้งบรรดาหอการค้าประเทศต่างๆ และทูตจากหลายประเทศที่มีความสนใจ แต่เรามีบางประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไข เช่น กฎระเบียบ กฎกติกา ที่จะมีการปรับปรุงให้มีความสะดวกสำหรับการเข้ามาทำธุรกิจในประเทศ การเข้ามาอยู่อาศัยในราชอาณาจักร การขอวีซ่า การขออนุญาตทำงาน การจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย เช่น ผู้ที่มีสำนักงานอยู่ในสิงคโปร์หรือฮ่องกงและสนใจจะมาตั้งสำนักงานที่กรุงเทพฯ เราจะต้องมีการปรับปรุงความสะดวกในการประกอบธุรกิจในการทำงานของเขา รวมถึงระบบภาษีบางประเภท ที่จะต้องทำให้สอดคล้องเพื่อไปแข่งขันกับประเทศที่นักธุรกิจเหล่านั้นมีสำนักงานในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการช่วยดึงดูดนักลงทุน โดยจะใช้เวลาจากนี้ประมาณ 60 วันที่จะมีความชัดเจน ในการหามาตรการต่างๆดึงดูดนักลงทุน โดยทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราไปทำการบ้านมา 1 เดือน แล้วกลับมารายงานนายกฯ
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการโรดโชว์ที่ขณะนี้ติดสถานการณ์โควิด-19 ไม่สามารถเดินทางต่างประเทศได้นั้น เรามีการใช้เทเลคอนฟอเรนซ์พูดคุยกันได้ อีกทั้งเรามีตัวแทนของสำนักงานบีโอไอและหน่วยสำนักงานต่างๆอยู่ตามต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยตนได้เชิญ หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษาของตน ซึ่งท่านเป็นอดีตผู้บริหาร บริษัทเจพีมอร์แกน ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทการเงินขนาดใหญ่ระดับสากล มีลูกค้ามากมายทั่วโลก มาเป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามทั้งบริษัทเอกชนไทยใหญ่ๆและในต่างประเทศ โดยจะแสดงให้เข้าใจถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยและเชิญมาลงทุน ซึ่งท่านมีเครือข่ายและมีความเข้าใจเรื่องการลงทุนต่างประเทศ
“ลักษณะทีมงานเป็นทีมเล็กๆเคลื่อนตัวเร็ว ไม่ต้องตั้งคณะทำงานกันใหญ่โต แต่เน้นที่เป้าหมาย แก้ตรงจุด เช่น ถ้าเราตั้งสำนักงานภูมิภาคที่จะให้ประเทศไทยมีศักยภาพในด้านนี้ ก็จะสอบถามความต้องการและเปรียบเทียบกับประเทศที่มีความโดดเด่นในเรื่องนี้ว่าเขาทำอะไรกันบ้าง และประเทศไทยมีความแตกต่างจากเขาอย่างไร ส่วนใดแก้ได้ทันทีและจะดำเนินการแก้ไข” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว