xs
xsm
sm
md
lg

รมต.สำนักนายกฯ ไม่ขวางก๊วน “สนธิญาณ” ซบ อสมท ไร้สิทธิแทรกแซง ยันสื่อเป็นกลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ (แฟ้มภาพ)
“อนุชา” ไม่ปิดกั้นทุกกลุ่ม หลังมีกระแส “ก๊วนสนธิญาณ” หอบทีมซบ อสมท ออกตัวไม่มีสิทธิแทรกแซง เป็นเรื่องปกติดีลธุรกิจ ยันสื่อมวลชนเป็นกลางไม่มีข้าง

วันนี้ (29 ม.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กรณีนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตผู้บริหารเครือเนชั่น นำรายการจากท็อปนิวส์มาออกอากาศในบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่าไม่มีอะไร เท่าที่เขารายงานตนมาเป็นเพียงการเจรจาธุรกิจการค้าในการทำธุรกิจตามปกติ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเป็นข้อสรุปชัดเจน เป็นการดำเนินการของคณะกรรมการผังรายงานที่มีผู้บริหารของเขาเป็นประธาน ยืนยันว่ารัฐบาลและตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผลักดัน มีแต่ข่าวมาได้ยินว่าเกิดขึ้น เป็นเรื่องปกติทางการค้าของบริษัท อสมท

เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกมาส่งผลกระทบกับบริษัท อสมท หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ไม่กระทบ เป็นเรื่องปกติทางการค้า หากไม่ได้เป็นเป็นเรื่องปกติทางการค้าถึงจะมีผลกระทบ ทั้งนี้ ในการทำธุรกิจคำว่า “สื่อ” หมายถึงทุกคน หรือเฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง คำว่าสื่อของตนหมายภาพรวม สื่อก็คือสื่อ หรือเฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สื่อมวลชนย่อมเป็นกลาง ไม่มีข้าง

เมื่อถามว่า ในเรื่องการเจรจาธุรกิจ หากตกลงกันได้ รายการของนายสนธิญาณ จะสามารถเข้ามาอยู่ในช่อง 9 ได้ใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า เป็นเรื่องตามปกติทั่วไป ช่อง 9 ก็มีรายการข่าวประเภทนี้ซึ่งเป็นสื่อสารมวลชนตามปกติ สื่อก็คือสื่อ ในการทำธุรกิจย่อมเป็นเรื่องปกติสามารถทำรายการได้ตามปกติ ตนไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ว่าสื่อคนไหนเป็นกลางหรือไม่อย่างไร ใครจะทำธุรกิจธุรกรรมในแง่สื่อสารมวลชนถือเป็นเรื่องปกติ จะทำสัญญาหรือไม่อย่างไรกับบริษัท อสมท หรือกรมประชาสัมพันธ์ ก็ถือเป็นเป็นเรื่องปกติทางการค้า และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับตนจริงๆ ตนไม่รู้เรื่องแม้แต่นิดเดียว ตนตรงไปตรงมา

เมื่อถามว่า นายสนธิญาณไปมาแล้วหลายช่อง แต่มีการประท้วงและขัดขวาง จะสร้างความขัดแย้งในองค์กรหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ตนไม่สามารถไปชี้ได้ว่าสื่อคนไหนเป็นอย่างไร ไม่อยากวิจารณ์สื่อ อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นการดำเนินการทางธุรกิจ กลุ่มไหนก็สามารถเข้ามาร่วมทุนได้ก็เป็นเรื่องปกติ คงไม่มีใครตั้งข้อรังเกียจ หรือข้อสังเกตว่าคนไหนทำได้หรือทำไม่ได้ หรือต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

เมื่อถามต่อว่าจะเปิดรับทุกกลุ่มใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้จัดผังรายการซึ่งตอนนี้มีปัญหาในเรื่องต้องหารายได้เข้ามาเสริมให้แก่องค์กรเพื่อปรับผังรายการ เขาก็คงเป็นผู้พิจารณาเป็นหลัก ตนคงไม่มีอำนาจเข้าไปชี้นำตัดสินใจแทนพวกเขาได้ ส่วนกระแสที่ว่าจะมีการถอนโฆษณานั้น ตนตรวจสอบแล้วยังไม่มีเรื่องนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น