“มงคลกิตติ์” วอนรัฐบาลเยียวยา ปชช.เป็นเงินสด หลังรูปแบบแอปพลิเคชันไม่ตอบโจทย์การใช้จ่ายของ ปชช. แนะเยียวยาครอบคลุมเพิ่มขึ้นไม่เว้นแม้แต่พระต้องได้ด้วย เผยเตรียมลงชื่อญัตติอภิปรายไม่วางใจด้วย
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.40 น. ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงกรณีเงินเยียวยา 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน วงเงิน 2.1 แสนบ้านบาท ว่าขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 และมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่เงินเยียวยารอบนี้ไม่สามารถใช้จ่ายเป็นเงินสดได้ ต้องใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งไม่ครอบคลุมวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายอย่างแท้จริง อีกทั้งประชาชนประมาณ 10 ล้านคน อายุระหว่าง 60-80 ปี ยังใช้โทรศัพท์มือถือระบบอนาล็อก จึงไม่สามารถเข้าถึงสิทธิได้ หากใครจะเข้าร่วมโครงการต้องไปซื้อโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน ถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการใช้เงินเป็นอย่างมาก จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลให้เปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินเยียวยาจากแอปพลิเคชันเป็นแบบเงินสด หรือแบบเช็คเงินสดเหมือนบางประเทศ
นอกจากนี้ อยากวิงวอนให้การเยียวยาครอบคลุมบุคคลตามมาตรา 33 39 และมาตรา 40 ให้ได้รับสิทธิด้วยเพราะพวกเขาไม่มีรายรับส่วนอื่น ส่วนนักเรียน นักศึกษา ประมาณ 14 ล้านคนก็เป็นกลุ่มคนที่จ่ายภาษีผ่านการใช้จ่ายส่วนตัว จึงน่าจะหาช่องทางในการเยียวยาด้วย รวมถึงนักโทษในเรือนจำ และพระภิกษุ 3 แสนกว่ารูปก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนเดือดร้อนก็ใส่ซองทำบุญน้อยลง พระภิกษุทั้งหมดจึงควรได้รับการเยียวด้วย
“เงินนี้ไม่ใช่ของรัฐบาล แต่เป็นเงินภาษีของประชาชนในอนาคต จะกู้เพิ่มผมไม่ว่า แต่ขอให้ประชาชนอยู่ได้ ยืนได้ และจ่ายภาษีได้ในอนาคต อย่าลืมว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบนี้ เพราะการควบคุมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหมทำได้ไม่ดี ทำให้เกิดการระบาดที่ จ.สมุทรสาคร รัฐบาลจึงบ่ายเบี่ยงอะไรไม่ได้ ต้องดำเนินการตามข้อเรียกร้องของประชาชนด้วย หากไม่ดำเนินการผมอาจนำเรื่องเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วันนี้ผมจะร่วมลงชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกับพรรครวมฝ่ายค้าน คร่าวๆ อาจจะได้เวลาอภิปราย 15-20 นาที แต่ต้องดูเนื้อหาก่อน เพราะผมมีข้อมูลของทุกกระทรวง ส่วนจะมีการอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่นั้น หากเกี่ยวข้องกับท่านก็ต้องอภิปราย และขอให้ท่านเตรียมตัวให้ดีอย่าบอกว่าไม่รู้” นายมงคลกิตติ์กล่าว