“ประยุทธ์” กำชับลงทะเบียน “เราชนะ” วันแรกอย่าล่มซ้ำรอย “คนละครึ่ง” จวกพวกบิดเบือนปมวัคซีนโควิด พูดไปเรื่อย-ไม่ดูข้อมูล พร้อมชงวิปรัฐบาลกำหนดวันศึกซักฟอก 16-19 ก.พ.
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ในการช่วงการพิจารณามาตรการเยียวยาจากสถานการณ์โควิด-19 ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 20 นาที โดยเฉพาะโครงการเราชนะ โดยเลขาสภาพัฒน์ และรมว.คลัง รายงานรูปแบบโครงการว่ากลุ่มอาชีพใดจะได้รับสิทธิ์ ซึ่งในส่วนของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะไม่ได้รับสิทธิ์ เพราะยังอยู่ในระบบประกันสังคม ที่ยังมีเงินช่วยเหลืออยู่ จึงต้องตัดออก และจะเหลือผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 31 ล้านคน โดยนายกฯกำชับเรื่องของระบบรองรับในการจะเปิดลงทะเบียนวันแรก ในวันที่ 29 ม.ค. 2564 และขอให้ตรวจสอบให้ดี อย่าให้มีปัญหา เพราะกลัวว่าหากประชาชนลงทะเบียนพร้อมๆกันในคราวละมากๆจะทำให้ระบบล่ม เหมือนตอนเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งเฟสสอง นอกจากนี้ นายกฯยังระบุด้วยว่า เราต้องลองดู และเราต้องเยียยวยาประชาชนจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะหาย ขอให้ครม.ไปช่วยคิดกันมาว่าจะมีโครงการอะไรออกมาช่วยเหลือประชาชนอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงพิจารณาวาระสถานการณ์โควิด-19 นายกฯ ได้กล่าวถึงการนำเข้าวัคซีนที่มีการพูดพาดพิงและวิพากษ์วิจารณ์บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ว่า มีการบิดเบือน โดยไม่มีข้อมูล พูดไม่ดูข้อมูล พูดไปเรื่อย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อไปชี้แจงกับประชาชน เพื่อทำความเข้าใจในข้อเท็จจริง
ด้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล)ได้รายงานที่ประชุมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นประธานสภาในวันที่ 25 ม.ค.โดยนายพุทธิพงษ์ เสนอว่าให้มีการอภิปรายในวันที่ 17-20 ก.พ.แต่นายกฯ เห็นว่าควรจะเปลี่ยนมาเริ่มอภิปรายวันอังคารที่ 16 ก.พ. ถึงวันศุกร์ที่ 19 ก.พ.แล้วเลื่อนการประชุมครม.มาเป็นวันจันทร์ที่ 15 ก.พ. โดยให้นำรายละเอียดดีงกล่าวไปเสนอในที่ประชุมวิปรัฐบาล ขอเลื่อนวันขยับขึ้นมาเพื่อไม่ให้กินเวลาไปถึงวันเสาร์ ทั้งนี้ นายกฯได้สั่งการรมว.คลัง ให้เตรียมข้อมูลเกี่ยวมาตรการเยียวยาจากสถานการณ์โควิด-19 เพราะจะได้ชี้แจงสภาและฝ่ายค้านได้ หากถูกอภิปราย
อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของการประชุม นายกฯ ได้พูดกับครม.ถึงประเทศเวียดนาม ว่า ตอนนี้ถ้ามองในภูมิอาเซียน ประเทศเวียดนามถือเป็นคู่แข่ง ที่มีการเจริญเติมโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ซึ่งนายกฯเปรียบเทียบระหว่างประเทศไทย กับประเทศเวียดนาม ถึงความแตกต่างระหว่างสองประเทศ ทั้งจำนวนประชากร ภูมิศาสตร์ประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยขอให้ครม.ไปศึกษาดูว่าประเทศเราติดขัดอะไร ทั้งที่ประเทศเรามีทรัพยากรและทุกสิ่งทุกอย่างเหนือกว่าเขา ดีกว่าเขา ทุนสำรองในประเทศก็เยอะกว่า แต่ทำไมเราไม่เติบโตเท่าเขา จึงสั่งการครม.ให้ไปติดตามศึกษาเรื่องนี้.