สภาเข้มป้องกันโควิด-19 รับเปิดประชุมสภา 20-22 ม.ค. กำหนดทางเข้าออก 3 ทาง ส่วน ส.ส.มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดต้องมีใบรับรองแพทย์ปลอดเชื้อ หากเดินทางกลับพื้นที่ไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ต้องไม่ไปพื้นที่เสี่ยง วันนี้ (15 ม.ค.) นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงการเตรียมความพร้อมการประชุมสภาฯในวันที่ 20-22 ม.ค.ว่า หลังงดการประชุมเนื่องจากแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังทรงตัวอยู่ ดังนั้น เมื่อสภาจะกลับมาให้มีการประชุมก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นกว่าเดิม โดยกำหนดทางเข้าสภาไว้เพียง 3 ทาง คือ ชั้น 1 ชั้นบี1 และชั้นบี 2 จากเดิมที่มีทางเข้าหลายทาง โดยการขึ้นลิฟต์จะแยกฝ่ายข้าราชการและฝ่ายการเมือง เพื่อลดความแออัด และมีการคัดกรองอุณหภูมิ การสวมหน้ากากตามมาตรการเดิมทุกอย่าง แต่ที่พิเศษคือสำหรับ ส.ส. หรือผู้ติดตามที่อนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ที่มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง 5 จังหวัด หากจะเข้าสภาต้องมีใบรับรองแพทย์จากพื้นที่ว่าปลอดจากเชื้อโควิดมาแสดง ถือเป็นการคัดกรองส่วนหนึ่ง และเมื่อ ส.ส.กลับจังหวัดนั้นแล้วก็ไม่ต้องกักตัว โดยทางกรมควบคุมโรค และ ศบค.ยืนยันแล้ว แต่ต้องให้คำรับรองว่า ส.ส.มาประชุมที่สภาจริง และเมื่อกลับไปแล้วต้องฏิบัติตามข้อบังคับและกฎระเบียบของ ศบค. คือต้องไม่ไปตามที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งทางสภาก็คงจะออกหนังสือรับรองให้
นพ.สุกิจกล่าวต่อว่า ในกรณีที่ ส.ส.และผู้ติดตามจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไม่มีใบรับรองแพทย์ ทางสภามีบริการตรวจคัดกรองด้วยวิธี Rabbit test ก่อนเข้าสภา ซึ่งมีบริการอยู่ทุกชั้น โดยจะทราบผลใน 15 นาที ส่วน ส.ส.และผู้ติดตามในพื้นที่อื่นที่ต้องการตรวจด้วย Rabbit test ก็สามารถตรวจได้
นพ.สุกิจกล่าวต่อว่า การดำเนินมาตรการดังกล่าวอาจทำให้เกิดความแออัด จึงขอร้องว่าถ้าใครไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุม ขอว่าอย่ามาสภา ซึ่งในส่วนของสภาก็ให้ข้าราชการ Work Form Home ได้จำนวนหนึ่งเพื่อลดความแออัดด้วย และในส่วนของผู้ติดตาม ส.ส.นั้น ขอให้ ส.ส.ควรจะให้ผู้ติดตามไปอยู่ในห้องพรรคการเมืองของแต่ละพรรค จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อการควบคุมโรค ขณะเดียวกัน สำหรับพนักงานขับรถและผู้ติดตาม ส.ส.บางส่วนก็จะจัดสถานที่ไว้ให้ที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารรัฐสภา
ที่ปรึกษาประธาสภากล่าวด้วยว่า ในการรักษาความสะอาดทางสภาเน้นในเรื่องการทำความสะอาดพื้นผิวตามคำแนะนำของกรมความคุมโรค โดยในวันที่ 19 ม.ค.จะมีการทำความสะอาดภายในห้องประชุมใหญ่ทั้งหมด รวมทั้งทำความสะอาดห้องกรรมาธิการเช่นเดียวกัน เพื่อให้การประชุมมีความปลอดภัยมากที่สุด