ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตาม ศบค.ชุดใหญ่ ขยายการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. - 28 ก.พ. 2564 จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19
วันนี้ (5 ม.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. - 28 ก.พ. 2564 นี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยคณะรัฐมนตรีจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจในการปฏิบัติงานเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโรคและมาตรการทางสังคมที่เข้มข้นและรวดเร็ว บริหารจัดการตามมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นในการกำกับดูแลระบบสาธารณสุขของประเทศและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ด้วยการบูรณาการกำลังทั้ง พลเรือน ตำรวจ และทหารเข้าร่วมปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและเพียงพอตาม จึงเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. - 28 ก.พ. 2564 (ครั้งที่ 9)
สำหรับภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังมีแนวโน้มรุนแรงในหลายภูมิภาค หลายประเทศในยุโรปกลับมาใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดอีกครั้ง ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคาดการณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะรุนแรงมากขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันโรคโควิด-19 เกิดการระบาดระลอกใหม่ภายในประเทศเป็นวงกว้างและกระจายไปในหลายเขตพื้นที่ทั่วประเทศ พบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวันทั้งจากคนไทยและแรงงานต่างด้าว รวมทั้งยังมีการเดินทางของผู้ติดเชื้อซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ปรากฏอาการของโรค ทำให้มีการแพร่เชื้อโรคออกไปในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนและอาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มในกลุ่มผู้ป่วยหนัก นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ติดเชื้อบางส่วนปกปิดข้อมูลการเดินทางทำให้ขั้นตอนการสอบสวนโรคเกิดความล่าช้า และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน จนส่งผลให้เกิดเป็นการระบาดระลอกใหม่ขึ้นเป็นวงกว้างทั่วประเทศ