“ปวิน” ขาขึ้น “ทอน” ขาลง ต่างฟ้ากับเหว ถูกเอาผิดคล้ายพรรค-พ่าย นายก อบจ.-เรือยอชต์ไฟไหม้ เพจดังแฉยับ!

คนหนึ่งเฮง อีกคนซวย “ปวิน” ดี๊ด๊า ผลโหวตแห่งปี 2020 “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” ขึ้นอันดับ 1 ต่างฟ้ากับเหว “ทอน” ขาลง โคตรๆ ทั้งถูกร้อง กกต.เอาผิดทำตัวคล้ายพรรค-พ่าย นายก อบจ.-เรือยอชต์ไฟไหม้ แถมเพจดังแฉยับ!

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (24 ธ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และลี้ภัยคดี ม.112 โพสต์ข้อความระบุว่า

“อันดับหนึ่ง ตลาดหลวง เริ่ดๆ เชิ่ดๆ

ผลโหวตเฟซบุ๊กแห่งปี 2020 รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ได้อันดับ 1 ตามด้วย สมศักดิ์ เจียมฯ แชมป์ปีที่แล้ว ทนายอานนท์ มาอันดับ 3 ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ อันดับ 4 และ อินทิรา เจริญปุระ อันดับ 5
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : https://prachatai.com/journal/2020/12/90946”


ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการไต่สวนของ กกต. กรณีที่ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบการกระทำของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” และกลุ่มก้าวหน้าว่า กระทำการคล้ายพรรคการเมืองเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 111 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่

หลังการให้ถ้อยคำ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ทาง กกต.ได้สอบถามว่า จะกล่าวหาใครบ้าง ก็ได้ยืนยันที่จะกล่าวหาบุคคลทั้ง 3 และกลุ่มก้าวหน้า ว่า กระทำการในลักษณะคล้ายพรรคการเมือง เพราะมีการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง มีการใช้โลโก้กลุ่มคล้ายพรรคการเมืองและรูปของนายธนาธรในป้ายหาเสียงของผู้สมัคร อบจ. รวมทั้งบุคคลทั้ง 3 ยังมีการขึ้นรถปราศรัยตระเวนหาเสียงตามจังหวัดต่างๆ เช่นเดียวกับการดำเนินการของพรรคการเมือง

นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า การกระทำของคณะก้าวหน้า แตกต่างจากกลุ่มการเมืองในจังหวัดที่มีการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง อบจ. เพราะกลุ่มการเมืองในจังหวัดจะหาเสียงแค่ในพื้นที่ เมื่อเสร็จเลือกตั้งก็จะสลายกลุ่มไป แต่คณะก้าวหน้าหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งไม่ได้สลายกลุ่ม และยังมีการประกาศจะส่งผู้สมัครท้องถิ่นในระดับอื่นๆ ต่อไป

ซึ่งตนก็ได้แจ้งต่อคณะกรรมการไต่สวนขอที่จะไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เช่น คำให้สัมภาษณ์ พฤติการณ์ในลักษณะคล้ายพรรคการเมืองและจะนำมามอบให้คณะกรรมการไต่สวนภายใน 2 สัปดาห์ จากที่วันนี้ก็ได้ให้รูปป้ายหาเสียงและภาพถ่ายนายธนาธร และ น.ส.พรรณิการ์ ที่ขึ้นรถแห่หาเสียงไปในจังหวัดต่างๆ กับทางคณะกรรมการไต่สวนไปแล้ว โดยคณะกรรมการไต่สวนฯก็ระบุว่า จะมีการเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงด้วย

เมื่อถามว่า การยื่นคำร้องเหมือนจงใจเล่นงานแต่คณะก้าวหน้า นายศรีสุวรณ กล่าวปฏิเสธ โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย เขามีสิทธิที่จะไปช่วยผู้สมัครท้องถิ่นหาเสียง เพราะเป็นพรรคการเมือง กฎหมายไม่ได้ห้ามส่งผู้สมัคร แต่กลุ่มก้าวหน้าไม่ใช่พรรคการเมือง แต่มีพฤติการณ์คล้ายพรรคการเมือง นายธนาธรไปจังหวัดไหนก็บอกว่า จะเปลี่ยนจังหวัดให้เป็นแบบนั้นแบบนี้เช่นเดียวกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายระดับประเทศ ส่วนกลุ่มอื่นๆ เขาหาเสียงในจังหวัด เสร็จเลือกตั้งก็สลายไป ทำให้ตนต้องมาร้องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบเท่านั้นเอง อย่าคิดมากเกินไป


ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ เพจเฟซบุ๊ก เสธPlay โพสต์ข้อความพร้อมภาพใบจดทะเบียนเรือ Silvretta หรือเรือยอชต์ไฟไหม้ ระบุว่า

“ด้วยความสงสัยว่า นักข่าวมันป้ายขี้หรือเปล่าว่า เรือ Silvretta เป็นเรือของนักการเมืองและเศรษฐีชื่อดังตัวย่อ “ธ” เสธ. เลยไปหาข้อมูลมา

และนี่คือใบจดทะเบียนเรือ Silvretta หรือเรือยอชต์ไฟไหม้ที่เป็นข่าวครับ ซึ่งเราจะเห็นอะไรที่น่าสนใจบางอย่างได้ตามนี้ครับ
////////////////////////////
1. ชื่อเรือยอชต์ในใบทะเบียนคือ “Silvretta” ตรงกับที่เป็นข่าวจริง
2. ในรายชื่อ Owner (เจ้าของ) มีเจ้าของร่วมสี่คน สองคนในนี้เป็นคนที่เรารู้จักกันดี คนแรกคือ ธนาธร ตรงตามที่เป็นข่าว และคนที่สองคือ สกุลธร

3. จุดที่มาร์กสีเขียวไว้ที่คือจุดที่ เสธ. สนใจมากที่สุดในทะเบียนนี้ มันบอกให้รู้ว่า เรือนี้จดทะเบียนที่หมู่เกาะคุก

หมู่เกาะคุก เป็นเขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์ ประกอบไปด้วย เกาะเล็กๆ 15 เกาะ ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ มีพื้นที่ทั้งหมด 240 ตารางกิโลเมตร รายได้สำคัญของหมู่เกาะคุกมาจากการท่องเที่ยว

ที่สำคัญคือ หมู่เกาะคุก คือมันเป็นเขตปลอดภาษีครับ ในอีกด้านหนึ่ง มันเป็นเกาะที่ดังเรื่องการฟอกเงิน

เห็นได้ชัดว่า การจดทะเบียนทรัพย์สินจากที่นี่ ย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาไม่บริสุทธิ์ อย่างแรกๆ เลย ก็คือ การเลี่ยงภาษี และน่าจะมีอย่างอื่นอีกที่เราไม่ทราบ
////////////////////////////
สรุปแบบกำปั้นทุบดินเลย ก็คือ เรือเป็นของธนาธรจริงครับ และมีเรื่องแปลกๆ แฝงมาอย่างการหลบไปจดทะเบียนเรือที่เกาะคุกด้วย เบื้องต้น เสธ. คิดว่า ก็เพื่อเลี่ยงภาษีมากกว่า นี้ยังไม่ทราบ เพราะไม่เคยรวยขนาดซื้อเรือยอชต์ได้แบบธนาธรครับ
#เสธPlay”


ก่อนหน้านี้ ไม่นาน เฟซบุ๊ก เสธPlay โพสต์ว่า “น่าสงสารจังครับ ช่วงนี้อะไรๆ ก็แย่ไปหมด สงสัยจะสิ้นบุญก็ครานี้
////////////////////////
มีรายงานว่า เมื่อเวลา 02.30 น.วันนี้ (23 ธ.ค.) เกิดเหตุเพลิงไหม้ เรือยอชต์ ชื่อ. Silvretta ขนาดระวาง.64 ฟุต ลักษณะเรือ 1 ชั้นครึ่ง สีขาว ซึ่งจอดลอยลำอยู่ที่ท่าจอดเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า ต.อ่าวปอ อ. ถลาง จ.ภูเก็ต

โดยเพลิงได้ลุกไหม้บริเวณบันไดท้ายเรือด้านขวา และลุกลามไปที่ท้ายเรือ ประมาณ 5 นาที

ต่อมาเจ้าหน้าที่ รปภ.ได้รับแจ้งจึงช่วยกันดับไฟ สำรวจเบื้องต้นพบความเสียหายบริเวณท้ายเรือ ค่าเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท
มีรายงานด้วยว่า เจ้าของเรือสำราญดังกล่าวเป็นของนักการเมืองและเศรษฐีชื่อดัง อักษรย่อ “ธ” และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้เกี่ยวข้องหรือเจ้าของเข้าแจ้งความ...
//////////////////////////
#เสธPlay”

ไม่เพียงเท่านั้น เฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ ของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความระบุว่า

“#ฝากสื่อมวลชนและ ป.ป.ช. ตรวจสอบด่วน
ช่วยกันครับตรวจสอบข้อมูลนี้ว่ามีข้อเท็จจริงแค่ไหนประการใด

ที่สำคัญ ควรเปรียบเทียบกับบัญชีที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ก่อนและหลังพ้นตำแหน่งด้วย

ว่า มีเรือยอชต์ลำนี้อยู่ในบัญชีที่แจ้งหรือไม่
ถ้าไม่มี ท่าทางจะยุ่ง…………

และสงสัยว่า จะผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ในเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จแล้วกระมังครับ?

อ้างอิงจากข่าว thaipost
https://www.thaipost.net/main/detail/87799

รวมทั้ง อ้างถึง ข้อความจาก โพสต์ของ “#เสธPlay” ดังกล่าว ด้วย

แน่นอน, คงไม่ต้องย้ำว่า “ทอน” กำลังขาลงอย่างแท้จริง แม้ว่า แนวคิด “ล้มเจ้า” ในสังคมออนไลน์ ในโลกเสมือนจริง จะได้รับความนิยมอย่างสูง เหมือนอย่างที่ “ปวิน” ได้รับ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ “ทอน” ได้สัมผัสด้วยตัวเอง และด้วยกลไกประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เขาได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้ว ว่า มันไม่เหมือนในโลกโซเชียล ซึ่ง “ปวิน” เอง ก็ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าลองมาสัมผัสกับโลกแห่งความเป็นจริง ก็อาจจะตกเหวไปยิ่งกว่า “ทอน” ก็เป็นได้?

แต่ที่สำคัญ ไปกว่านั้นคือ ประเด็นของ “เรือยอชต์” Silvretta มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ อย่างที่ ส.ว.สมชาย หยิบยกขึ้นมาให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบ ถ้าไม่ จะเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ นี่คือ สิ่งที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป