เอาล่ะสิ “ทอน” ลุยหาเสียงตลาดสดสมุทรสาคร ช่วงโควิด-19 ระบาด เสี่ยงเป็นคนแพร่เชื้อ “ดร.อานนท์” ชี้ “super spreader” ตัวจริง “วัฒนา” ได้ทีขี่แพะไล่ โทษ “ลุงตู่-ผบ.ทสส.” ไม่สามารถใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมได้ ไม่ใช่ “อนุทิน”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (20 ธ.ค. 63) หลังมีการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานเมียนมา และผู้คนรอบตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร สะสม 548 ราย เมื่อคืนวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา และประกาศล็อกดาวน์ไปแล้วนั้น
ล่าสุด มีการแชร์ภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมคณะ เดินทางไปหาเสียงที่สมุทรสาคร กันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล เนื่องจากนายธนาธรและคณะเกือบทั้งหมด ไม่สวมหน้ากากอนามัย
ทั้งนี้ เวลา 20.00 น. ของคืนวันที่ 13 ธ.ค. บริเวณลานทิวลิปสแควร์ ถนนเพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร นายธนาธร น.ส.พรรณิการ์ วานิช และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคนสำคัญทั้ง 3 ของคณะก้าวหน้า ได้เปิดเวทีปราศรัยครั้งใหญ่ ช่วยผู้สมัครของคณะก้าวหน้าหาเสียง เป็นที่น่าสังเกตว่า บนเวทีไม่มีใครสวมหน้ากากแม้คนเดียว เพราะเกรงประชาชนจะจำหน้าผู้สมัครไม่ได้
ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 13.00 น. นายธนาธร ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครอีกครั้ง โดยเดินลุยตลาดสดมหาชัย ขอคะแนนเสียงจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาด ให้ช่วยลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครของคณะก้าวหน้า
ส่วน น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า หาเสียงที่สมุทรสาคร วันที่ 13 ธ.ค. โดยหลายช่วงไม่ได้สวมหน้ากาก แม้จะอยู่ในตลาดสดก็ตาม
หลังหาเสียงที่สมุทรสาครวันที่ 15 ธ.ค.แล้ว พบว่าจากนั้นนายธนาธรและคณะ เดินทางไปช่วยหาเสียงที่ระยอง ในวันที่ 16 ธ.ค. ส่วน 17 ธ.ค.ไปหลายจังหวัด อาทิ ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ มุกดาหาร แล้ววกกลับมาสมุทรปราการ วันที่ 18 ธ.ค.ที่สกลนคร บึงกาฬ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“ถ้าธนาธรติดโควิด-19 มาจากสมุทรสาคร ธนาธรนี่แหละคือ super spreader ตัวจริง เพราะเดินทางหาเสียงไปทั่วไทย โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยเลย” (ไทยโพสต์)
ทั้งนี้ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เคยอธิบาย คำว่า “Super spreader” ว่า หมายถึงคนที่มีความสามารถในการแพร่โรคไปยังบุคคลอื่นๆ จำนวนมาก โดยเฉลี่ยคนหนึ่งคน จะแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ ได้อีก 2 คน ซึ่งหากกรณีไม่สามารถควบคุมโรคได้ จะทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดย Super spreader จะพบว่าคนหนึ่งคนจะแพร่เชื้อมากกว่าค่าเฉลี่ยหลายๆ เท่า หรือประมาณแพร่เชื้อได้ถึง 20 คน
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ บนทวิตเตอร์ แห่ติดแฮชแท็ก #ถอดถอนอนุทิน โดยร่วมกันแชร์ภาพกราฟิกที่ระบุว่า “1 สิทธิ 1 เสียง ร่วมถอดถอนอนุทินจากรัฐมนตรี” พร้อมให้เหตุผลว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาโควิด (แนวหน้า)
ด้าน เฟซบุ๊ก Watana Muangsook ของ นายวัฒนา เมืองสุข กลุ่มสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“นายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยคำสั่งข้อ 3 (6) แต่งตั้งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงซึ่งรวมถึงแรงงานหลบหนีเข้าเมือง (ตามลิงก์) http://www.phuketchalong.go.th//files/com_networknews/2020-03_02a70aacfbbc80d.pdf
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ผู้บัญชาการสูงสุด (พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้ออกคำสั่งที่ 29/2563 กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าตรวจ สกัดกั้น และจับกุม (ตามลิงก์)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/.../2563/E/279/T_0039.PDF
ดังนั้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิดที่สมุทรสาคร ซึ่งมีสาเหตุจากแรงงานพม่าที่หลบหนีเข้าเมือง จึงอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคง รวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ล่าสุด ขยายออกไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 ทั้งคู่มียศเป็นถึงพลเอก แต่กลับไม่กล้าออกมารับผิดชอบปล่อยให้ทัวร์ลงใส่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มีลูกชายเป็นแค่พลทหาร
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ควบคุมโควิดไม่ได้ จึงมีไว้เพื่อจัดการกับม็อบที่จะออกมาไล่ตัวเอง เท่านั้น พอเกิดปัญหากลับไม่ออกมารับผิดชอบ โคตรกระจอกครับ”
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในพื้นสมุทรสาคร และจังหวัดรอบข้าง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยผลการสอบสวนตรวจหาผู้ป่วยเชิงรุกแฟลตรอบตลาดกุ้ง ตรวจ 1,443 ราย พบติดเชื้อโควิด 657 ราย หรือ มากกว่า 40% ทำให้ยอดรวม จังหวัดรอบข้าง จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสาคร มียอดผู้ติดเชื้อรวมขณะนี้ 689 ราย และสธ.จะตรวจเชิงรุกพื้นที่รอบๆ อีกในวันนี้
สำหรับ จังหวัดรอบๆ สมุทรสาคร ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด เนื่องจากมีการทำธุรกรรมกับตลาดกุ้ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 2 ราย นครปฐม 2 ราย สมุทรปราการ 3 ราย
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ “โควิด-19 การเมือง” นั่นเอง
เนื่องจากมีการกล่าวถึง นายธนาธร และแกนนำคณะก้าวหน้า ลงไปลุยหาเสียงในพื้นที่เสี่ยง (ตลาดสดใน จ.สมุทรสาคร) และไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย ตามที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขแนะนำ จนสุ่มเสียงที่จะเป็นบุคคล “super spreader” หรือ ผู้แพร่เชื้อที่มีความอันตรายอย่างมากของสังคม
ที่สำคัญ นายธนาธร และคณะก้าวหน้า ไม่ได้หยุดอยู่แค่ จ.สมุทรสาคร หากแต่ยังลุยหาเสียงต่ออีกหลายจังหวัด โดยที่ทุกคนไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยเช่นเดียวกัน
ประเด็นนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจบางประการอยู่ด้วย กล่าวคือ นายธนาธร และคณะก้าวหน้า มักโจมตีรัฐบาล “ลุงตู่” และ การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาตลอด ว่า เป็นการฉวยโอกาสใช้ควบคุมม็อบ มากกว่าโควิด-19 เพราะเชื่อว่า โควิด-19 ไม่ใช่ปัญหาถึงขั้นออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุม จึงแสดงให้เห็นด้วยการไม่ยอมสวมใส่หน้ากากอนามัย เพราะจะทำให้เห็นว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลนั่นเอง
เรื่องนี้ต้องจับตามอง ว่า จะเกิดกรณี “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” หรือไม่ แต่ถึงกระนั้น การเป็นคนแพร่เชื้อร้ายให้กับสังคม ก็นับว่า น่าตำหนิอย่างสูงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ประเด็นที่ “วัฒนา” หยิบยกมาโจมตี “ลุงตู่” และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็นับว่า เป็นการเล่นเกมการเมืองที่ตื้นเขินอย่างมาก เพราะสิ่งที่รัฐบาลลุงตู่เตือนมาตลอด ก็คือ การระบาดรอบสอง อันตรายถึงขั้นไม่สามารถควบคุมได้ และก่อนหน้านี้ ก็เห็นได้ชัดว่า มีกระแสข่าวจากหน่วยงานรัฐว่า ได้เข้มงวดอย่างมากตามด่านชายแดนที่มีความเสี่ยง รวมทั้งการเฝ้าระวังการลักลอบข้ามแดนของแรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะเมียนมา ที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด-19 สูง แต่เมื่อไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ปัญหาจึงเกิดขึ้น และการโทษแต่รัฐบาลฝ่ายเดียว ไม่โทษผู้คนในสังคมที่จะต้องช่วยกันระแวงระวัง ก็เท่ากับว่า เป็นเกมการเมืองเท่านั้น
อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ คนที่โจมตีรัฐบาลรุนแรงที่สุดว่า ไม่ปล่อยให้มีเสรีภาพในการใช้ชีวิต และเสพสุขเยี่ยงเสรีชน รวมทั้งจำกัดสิทธิเสรีภาพ โดยไม่สนใจการแพร่ระบาดของโควิด-19 เลยแม้แต่น้อย ก็คือ คนของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน สื่อของพรรคฝ่ายค้าน ย้อนกลับไปดูโพสต์เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ได้เลย ถ้าไม่อายตัวเอง
เหนืออื่นใด ถ้ายิ่งวันหนึ่ง กลายมาเป็น super spreader ตัวจริง หรือ ผู้แพร่เชื้อร้ายแรง อย่างที่มีคนบางกลุ่มเข้าข่ายอยู่ในเวลานี้ ก็ยิ่งสมควรที่จะต้องออกมาขอโทษรัฐบาลและคนไทย แทนที่จะยังหาเรื่องโทษคนอื่นอยู่ร่ำไป เหมือนคนที่ไม่เคยรับผิดชอบอะไรเหมือนเดิม เอาแค่ต้องการต่อสู้กับสถาบัน ก็ยังหลอกใช้เด็กสู้แทน และรับกรรมแทน คิดดูก็แล้วกัน!!!