“อนุทิน” จวกพวกลักลอบเข้าเมืองทำโควิด-19 ระบาด วอนคนที่ยังตกค้างอยู่ท่าขี้เหล็ก แสดงสปิริตเข้ามารับการตรวจ เผยเตรียมย่องขึ้นเหนือแบบไร้คณะ หวังกระตุ้นท่องเที่ยว ลั่นปลอดภัย-ไม่กลัว
วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 10 คน ที่มาจากการลักลอบเข้าเมือง จากนี้จะมีมาตรการเข้มงวดอย่างไรว่า เรารักษาทุกคน โดยรักษาในพื้นที่แต่ละจังหวัดซึ่งเป็นสิ่งที่เราเคยคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องเกิด ส่วนบุคคลที่สัมผัสเสี่ยงสูงหรือมีความใกล้ชิดก็พบจำนวนมาก และได้ตรวจเชื้อ ส่วนใหญ่ยังไม่พบ แต่ยังต้องเฝ้าระวังอยู่ อย่างที่บอกคนเหล่านี้ที่กลับมาเข้ามาในประเทศเพราะรู้ว่าตัวเองป่วย รู้ว่าฝั่งพม่าติดเชื้อมากแล้วกลับเข้ามา แทนที่จะพบแพทย์และแสดงตน แต่กลับมีหน้าไปเที่ยวโดยไร้ความรับผิดชอบ เดินทางไปสถานที่ต่างๆ ทำความเสียหายให้บ้านเมืองมหาศาล แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องตามล้างตามเช็ด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การดำเนินคดีอย่างจริงจังต่อคนเหล่านี้จะทำอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า พอบอกว่าจะดำเนินคดีเดี๋ยวก็หลบเข้ามาอีก จึงไม่รู้ว่าจุดลงตัวอยู่ตรงไหน ส่วนกระทรวงสาธารณสุขได้แต่ตามเก็บให้ได้มากที่สุด เพราะทำได้เฉพาะการสอบสวนโรคและนำผู้ป่วยมารักษา สร้างความเข้าใจให้ตระหนักกับประชาชน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือไปยังฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองให้ช่วยกันป้องกันการลักลอบเข้าเมืองให้มากขึ้น รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และประชาชนจะต้องช่วยกันด้วย ต้องสอบถามคนแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ว่ามาจากท่าขี้เหล็กหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงคงจะดูแลไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาได้อีกแล้ว โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติเข้ามาอย่างไรก็จับได้ กรณีนี้ปลาเน่าทั้งตัวทำให้เหม็นทั้งข้อง
เมื่อถามว่า ภาพรวมยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อยู่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ควบคุมโรคได้ ติดตามหาผู้ป่วยได้ แต่ขอให้คนที่กลับมาจากท่าขี้เหล็กแสดงสปิริตมาเลย ให้มารับการตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อให้ข้อมูลและขยายผลในการสอบสวนโรคต่อไป เพราะถ้าเป็นอย่างนี้จะสิ้นเปลืองทรัพยากรของชาติมาก อย่ากังวล เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะไปดำเนินคดีหรือเอาพวกเขาเข้าคุก ไปก็เปลืองคุกเปล่าๆ ยิ่งมาแสดงตนยิ่งเป็นประโยชน์
เมื่อถามว่า ต้องเพิ่มกำลังแพทย์และพยาบาลตามแนวชายเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เวลานี้พร้อมหมด กรมควบคุมโรคได้เข้าไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ และโรงพยาบาลศูนย์ในแถบพื้นที่นั้น ได้เตรียมความพร้อมเต็มที่ซึ่งพร้อมมานานแล้ว แต่ไม่ใช่พร้อมเพื่อจะมารักษาคนเห็นแก่ตัวพวกนี้ แต่พร้อมที่จะรักษาคนโชคไม่ดีที่ติดเชื้อจากภาวะการณ์ปกติ นี่รู้ว่าติดเชื้อเป็นพาหะก็ยังเดินทางไปทั่ว
เมื่อถามว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทบทวนเรื่องของการคลายล็อกอยู่หรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนกล่าวว่า ก็คนไม่กี่คนทำให้เดือดร้อนกันทั่วประเทศ แล้วจะคลายล็อกอะไรตอนนี้ ใครจะกล้าพูดเรื่องคลายล็อก เพราะแนวชายแดนก็ยังปิดไม่ได้แบบนี้
ต่อข้อถามว่า หากไม่คลายล็อกแล้วจะล็อกเพิ่มหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่เรื่องนี้ไม่เหมือนกรณีสนามมวย เพราะคนอยู่ท่าขี้เหล็กมีเป็นหลักร้อยโดยพยายามจะบอกว่าให้มาลงชื่อ แสดงตัวเข้ามาตามช่องทางที่ถูกต้อง คนไหนพบเชื้อก็แยกตัวไปรักษา เราดูแลเต็มที่ ไม่มีเชื้อต้องไปกักตัว 14 วันตามกฎปกติ แต่พวกนี้เห็นแก่ตัว จะไม่ยอมกักตัว ขอให้ช่วยประณามคนพวกนี้เยอะๆ
เมื่อถามว่าจะมีมาตรการล็อกจังหวัดตามแนวชายแดนเพิ่มเติมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นนั้น และอย่าไปให้ความสำคัญกับคนพวกนี้ขนาดนั้น เพราะเรายังมีความสามารถป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดแพร่ระบาดในวงกว้าง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ระบบควบคุมป้องกันโรค นี่คือการพิสูจน์ระบบควบคุมป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างดี เราไปตามหาทุกที่จนทั้งหมอและพยาบาลค้นจนเจอ และต้องให้กำลังใจคนที่นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานไปตรวจค้นจนเจอ
นายอนุทินกล่าวว่า ทั้งนี้ อยากขอเชิญชวนให้ไปท่องเที่ยวแม้คนเหล่านี้จะทำการท่องเที่ยวในภาคเหนือเสียไปหมด เพราะคนพวกนี้ไม่มีน้ำยาที่จะทำลายบ้านเมือง แต่ขอให้คนอื่นๆ ไปเที่ยวและปฏิบัติตามมาตรการ สวมหน้ากากอนามัย เพราะเราต้องช่วยคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งผู้ประกอบการเองก็คาดหวังเรื่องของการท่องเที่ยวในช่วงเดือนสุดท้ายของปีนี้อยู่ และอย่าให้เสียกำลังใจ อย่างไรก็ตาม หลังจากวันคล้ายวันพระราชสมภพรัชกาลที่ ๙ ตนก็จะไปเที่ยว อาจจะไปที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย เพราะไม่ได้กลัวอะไร ใช้ชีวิตปกติตามมาตรการป้องกัน และอาจจะไปตรวจความพร้อมตามโรงพยาบาล โดยไม่มีคณะไปด้วย