พปชร.ยันรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 1-2 ปัดฉบับไอลอว์รอฟังสภา เหตุมีรายละเอียดมาก ขออย่าตั้งธงข่มขู่กันจนทั้งสองฝ่ายรับไม่ได้ เชื่อม็อบไม่รุนแรง แค่กดดันเชิงสัญลักษณ์
วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.37 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าก็มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้วตามที่พรรคยืนยันไว้ ตนคิดว่าตรงนี้คงจะเรียบร้อยดี ส่วนจะเป็นฉบับไหนอย่างไรก็คงต้องไปว่ากันในสภา ส่วนร่างรัฐธรรมนูญร่างที่ 1 และร่างที่ 2 แนวโน้มพรรค พปชร.จะเห็นชอบหรือไม่นั้น ก็น่าจะรับร่าง 1 และร่าง 2
เมื่อถามว่าส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับของไอลอว์ชัดเจนแล้วหรือไม่ว่าจะไม่รับ นายอนุชากล่าวว่า ไม่ใช่ ต้องไปฟังในสภาถึงเหตุและผลของสภาว่าใครมีเหตุมีผลอย่างไร และมีผลไปในภายหน้าตรงไหนอย่างไร ตรงนั้นก็คงต้องไปหาเหตุผลมาว่ากัน เพราะร่างของไอลอว์ไม่เคยเข้าที่ประชุมสภา ฉะนั้น รายละเอียดหรือแง่มุมต่างๆ ที่ต้องอภิปรายคงมีมากพอสมควรที่ต้องถกเถียงกัน
เมื่อถามต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมพยายามกดดันให้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ เนื่องจากเป็นร่างของประชาชน นายอนุชากล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาของกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเขามีธงไว้อยู่แล้วว่าบ้านเมืองจะต้องไปทางไหน ตรงนี้เป็นธงของทั้งฝ่ายค้านด้วย เราก็เห็นอยู่ว่าฝ่ายค้านพยายามพูดแบบมีธง ทุกครั้งที่มีการพูดคุยก็ไม่ได้จบอย่างที่มีการพูดคุย คิดว่าเป็นเรื่องปกติ 2 ฝ่ายที่ความเห็นไม่ตรงกัน ฉะนั้นธงของแต่ละฝ่ายอาจจะไม่ตรงกัน แต่ด้วยเหตุด้วยผลต้องมาว่ากัน ซึ่งการตั้งธงมาเป็นการที่ไม่ชอบตามระบอบ คือ การมาบังคับข่มขู่ ขู่เข็ญกัน ตนคิดว่าไม่ใช่ในระบอบที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นอย่างนี้กันไปตลอด ทุกนายกฯ ทุกรัฐบาลก็คงเป็นอย่างนี้ไปตลอดไม่มีวันสิ้นสุด ประเทศต้องวนเวียนในระบอบที่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น วิงวอนขออย่าตั้งธงที่เกินเลยที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะรับกันไม่ได้ เพราะความคิดเห็นต้องมีทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแล้วมาบอกว่าจะต้องไปตามนั้น เมื่อมีทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยหาจุดต่างที่ลงตัวร่วมกัน บ้านเมืองก็เดินไปได้
เมื่อถามว่ารัฐบาลประเมินการชุมนุมของทั้งสองม็อบที่หน้ารัฐสภาจะเป็นไปอย่างเรียบร้อยหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ก็เรียบร้อยมาโดยตลอด คงไม่มีอะไรที่รุนแรงเป็นการกดดันเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้ได้ตามจุดมุ่งหมายที่ฝั่งตนเองต้องการ ถือว่าเป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามหาวิธีที่นุ่มนวล อะลุ้มอล่วย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียกายเกิดขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อยากให้ผู้ชุมนุมนั้นชุมนุมอย่างสันติไม่มีการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งทุกฝ่ายคงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรง และประชาชนทั้งประเทศอยากเห็นความสงบสุข อย่างไรก็ตาม ส.ส.และ ส.ว.ก็ต้องพยายามเข้าไปสภาเพื่อทำหน้าที่เพราะประชาชนรออยู่