xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลพร้อมชูบทบาทเวทีผู้นำอาเซียน และเวทีคู่ขนานลุ่มน้ำโขงเกาหลี-ญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองโฆษกรัฐบาล แถลง รัฐบาลพร้อมชูบทบาทในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 37 และเวทีคู่ขนานความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-เกาหลี และลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น

วันนี้ (10 พ.ย.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างภาคีเครือข่ายระหว่างประเทศและในหลายเวที ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจ และเป็นที่ยอมรับจากต่างชาติ ครม.เห็นชอบเอกสารที่จะมีการลงนาม หรือรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 ประชุมระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ โดยเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมครั้งนี้ มีจำนวนหลายฉบับ ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น 1) การจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ.  2025  2) การวางแนวทางการฟื้นตัวและสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาวให้แก่อาเซียนหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  3) การเสริมสร้างขีดความสามารถและความยืดหยุ่นของระบบสาธารณสุข การศึกษา และ SMEs  4) การอำนวยความสะดวกการเดินทางด้านธุรกิจที่จำเป็นในภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านสาธารณสุข 5) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำสหรัฐฯ ในเรื่องการศึกษา สาธารณสุข เศรษฐกิจ เป็นต้น 6) การรับรองโคลอมเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมเป็นอัครภาคีอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ ยังมีการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-เกาหลี ครั้งที่ 2 และการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 12 ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นการจัดประชุมคู่ขนานกับการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 37 โดยร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-เกาหลี ครั้งที่ 2 แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือบนพื้นฐาน 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาชน ความเจริญรุ่งเรือง และสันติภาพ รวมถึง 7 สาขาที่มีความสำคัญ เช่น 1) วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดยเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันผ่านการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม 2) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สร้างขีดความสามารถในระดับอุดมศึกษา การเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์และอาชีวศึกษา 3) ข้อมูลเทคโนโลยี โดยเสริมสร้างความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์และข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ส่วนร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 12 จะเป็นการดำเนินการภายใต้ 3 เสาหลัก ของยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. 2019 ครอบคลุมประเด็นสำคัญ อาทิ 1) การพัฒนาความเชื่อมโยงที่ดีและมีประสิทธิภาพ เช่น การก่อสร้างระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกในเมียนมา 2) การสร้างสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เช่น ความร่วมมือทางวิชาการเพื่อลดช่องว่างทางทักษะของผู้เชี่ยวชาญประเทศลุ่มน้ำโขง รวมถึงการสานต่อความสัมพันธ์ อาทิ 1) ข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 เช่น การสนับสนุนเงินจำนวน 1 พันล้านเยนของญี่ปุ่น สำหรับโครงการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ในระดับฐานรากในปี ค.ศ.2020  2) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) เช่น การเร่งรัดเพื่อบรรลุแผนแม่บท ACMECS (ค.ศ. 2019-2030)

มากไปกว่านั้น ยังมีการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ครั้งที่ 31 ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 27 ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ผ่านการประชุมทางไกล ซึ่งประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ โดยในการประชุมทั้ง 2 ครั้งนี้จะมีการรับรองร่างเอกสาร รวม 3 ฉบับ ได้แก่ 1) ร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปก ครั้งที่ 31 เป็นการสรุปความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรฐกิจภายหลังโควิด-19 เช่น ส่งเสริมการค้าและการลงทุนเสรีเปิดกว้าง รักษาการเคลื่อนย้ายสินค้าที่จำเป็น ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 2) ร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 27 (ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ค.ศ. 2020) เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ซึ่งมีสมาชิก 21 ประเทศ เพื่อรับมมือและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 เช่น การบรรเทาผลกระทบของโควิด-19 การกำหนดกรอบดำเนินงานตามปฏิญญาผู้นำว่าด้วยวิสัยทัศน์เอเปกภายหลังปี ค.ศ. 2020 การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจผ่านเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยี 3) ร่างปฏิญญาผู้นำว่าด้วยวิสัยทัศน์เอเปกภายหลังปี ค.ศ. 2020 เป็นเอกสารกำหนดวิสัยทัศน์และกรอบการดำเนินงานใน 20 ปีข้างหน้า โดยมุ่งเน้นประเด็นสำคัญ เช่น การค้าและการลงทุนเสรี นวัตกรรม และกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การเติบโตที่สมดุลและยั่งยืน สำหรับประเด็นสำคัญที่ไทยจะผลักดันให้มีการบรรจุอยู่ในร่างปฏิญญาฯ นี้ คือ การส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดย่อม ขนาดเล็ก และขนาดกลาง (MSME) และแนวทางการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น