รมว.สธ.เผยไม่ต้องกังวลระบบการคัดกรองโควิด ชี้ตรวจพบแสดงให้เห็นระบบยังทำงาน คุย สมช.เน้นย้ำต้นทางมาไทยต้องตรวจก่อน อย่าโทษคนไทย เมินลดวันกักตัว ให้ความสนใจคนไทยก่อนแผนท่องเที่ยว
วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ และมีการติดเชื้อจากกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิพิเศษจะมีมาตรการดูแลอย่างไรว่า ไม่ต้องกังวล เพราะระบบการคัดกรอง การตรวจพบ ทั้งการรักษา ของเรามีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่ต้องเพิ่มความเข้มข้นของการตรวจ และการที่ตรวจเจอแสดงให้เห็นว่าระบบของเรายังทำงาน
เมื่อถามถึงการลดจำนวนวันของการกักตัวยังอยู่ในแผนที่จะยังดำเนินการหรือไม่ เพราะมีการตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างการกักตัว นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้เราต้องเน้นที่ต้นทางมากกว่า ตนได้หารือกับทางเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่าคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยต้องตรวจโควิด-19 ก่อน ทุกคนบอกว่าตรวจมาหมดแล้ว แต่ทำไมยังติดเชื้อในประเทศแทบทุกไฟลต์บิน สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเพราะเราเป็นปลายทาง จึงต้องย้ำไปที่สายการบินต้นทางหรือสถานเอกอัครราชทูตต้นทางของเราที่อนุมัติให้คนเดินทางเข้ามา คงจะต้องมีมาตรการเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ เราไม่ต้องการให้คนติดเชื้อเข้าประเทศเนื่องจากเข้ามาแล้วก็ต้องทำการรักษาต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ สิ้นเปลืองยา และถ้าติดเชื้อจะต้องมีการควบคุมตัวเพื่อรักษาปล่อยไปไม่ได้ หากจะผลักดันกลับไปก็ไม่มีสายการบินไหนรับ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเน้นไปยังประเทศต้นทาง ดังนั้นขออย่าโทษคนไทย ทั้งนี้สิ่งที่ทำหลังตรวจพบก็มีการคัดแยกทันที
นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนการลดวันกักตัวนั้นยังอยู่ในกระบวนการ โดยทางแพทย์เชื่อว่า 10 กับ 14 วัน ไม่ได้มีข้อแตกต่างกัน เราก็ให้ความสนใจกับความรู้สึกประชาชน อย่างตอนนี้มีกรณีติดเชื้อในสถานที่กักกันของรัฐมากขึ้น เราก็ยังคงต้องใช้การกักตัว 14 วันเหมือนเดิม จนกว่าจะเกิดความสบายใจ แต่ไม่เกี่ยวกับความน่ากังวล ไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวลอะไร ส่วนจะกระทบต่อแผนท่องเที่ยวหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องให้ความสนใจกับคนไทยก่อน