“นิกร” วอนผู้ชุมนุมฯ ร่วม คกก.สมานฉันท์มองเป็นพื้นที่กลางเพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ ชี้อย่ายึดติดเป็นของฝ่ายใด - อดีตมีแต่ล้มเหลว
วันนี้ (6 พ.ย.) นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่าขณะนี้สังคมยังยึดติดอยู่กับความคาดหวังว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นต้องแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาต่างที่เกิดขึ้นในอดีต ล้วนแต่ล้มเหลว ซึ่งจริงๆ แล้วควรคิดว่าคณะกรรมการสมานฉันท์ที่กำลังจะตั้งขึ้นเป็นการสร้างพื้นที่กลางที่ปลอดภัยเพื่อให้เกิดการพูดคุย โดยมีคนกลางเข้ามาร่วมด้วยซึ่งทุกฝ่ายควรเข้ามาร่วม รวมถึงผู้ชุมนุมก็ควรละทิ้งความคิดว่าคณะกรรมการเป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่อยากให้คิดว่าเป็นพื้นที่กลางเพื่อให้เข้ามาพูดคุยกัน เพราะถ้าไม่มีแล้วจะไปพูดคุยกันตรงไหน แต่ถ้าผู้ชุมนุมไม่เข้ารวม ที่มีอยู่ก็สามารถคุยกันได้
“ก็หวังว่าคณะกรรมการชุดนี้จะไม่ใช่กันชนให้รัฐบาล และไม่อยากให้มองว่าคณะกรรมการนี้เป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือของรัฐบาล เพราะคำสั่งแต่งตั้งก็ออกโดยประธานรัฐสภา จึงไม่อยากให้มีการล้ม อยากให้เป็นพื้นที่กลางที่ทุกคนพูดคุยกันได้แบบยิ้มๆ แต่ถ้ามันจะล่มก็ให้มันล่มไป เพราะว่าได้ลองแล้ว ดีกว่ายังไม่ได้ลองอะไรเลย” นายนิกรระบุ และว่าที่ยึดติดว่าคณะกรรมการชุดเดิมๆ ก็เคยล้มเหลวในการดำเนินการ ก็ไม่ได้ล้มเหลวในทุกชุด ชุดของนายดิเรก ถึงฝั่ง ซึ่งเคยเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุยก็ทำให้แรงกดดันภายในประเทศขณะนั้นลดลง
นายนิกรยังเห็นว่า คนกลางซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคมที่จะเข้ามาร่วม ปัจจุบันเป็นเพียงคนคนเดียวไม่ได้ เพราะจะถูกมองว่าเป็นคนของฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ จึงต้องเป็นบุคคล 3-4 คนที่มีประสบการณ์ เป็นผู้ใหญ่ที่หวังดีต่อบ้านเมืองพอสมควร
ส่วนที่สภากำลังจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 17-18 พ.ย.นั้น นายนิกรในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) จัดทำรายงานใน กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ กล่าวว่า ทางอนุกรรมาธิการได้มีการศึกษาร่างทั้ง 6 ร่างไว้อย่างละเอียดเป็นเล่มเอกสารประมาณ 400 หน้า ซึ่งจะมีรายละเอียดความเห็นของบุคคลต่างๆ ทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย ในประเด็นข้อกังวลที่เราคิดว่า ถ้าแก้ไขแล้วจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ คิดว่าเป็นข้อมูลที่เพียงพอที่สมาชิกจะพิจารณาว่ารับหรือไม่รับ เมื่อสมาชิกได้พิจารณาทั้ง 6 ร่างแล้ว จากนั้นจะพิจารณาร่างของไอลอว์แล้วจึงจะโหวตไปที่ละร่างจนครบ 7 ร่างในคราวเดียว จากนั้นก็จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่รัฐบาลเสนอร่างมาพิจารณาลำดับถัดไป สะท้อนถึงเจตจำนงของรัฐบาลในการแก้กฎหมาย โดยรอประธานรัฐสภากำหนดวาระประชุมอีกครั้ง และหากมีการรับหลักการร่างแก้รัฐธรรมนูญจะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาในชั้นแปรญัตติจำนวน 45 คนตามสัดส่วน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และ ส.ว.