xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ย้ำสานต่อความสัมพันธ์ไทย-สโลวัก พร้อมเพิ่มพูน เพื่อกระตุ้นพลวัตในทุกมิติความสัมพันธ์ระหว่างกัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสตะนิสลาฟ อะปิลา (H.E. Mr. Stanislav Opiela) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐสโลวักที่มีความเป็นมิตรที่ดีต่อกันมายาวนานกว่า 40 ปี พร้อมทั้งขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เป็นผลให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งสองประเทศราบรื่น อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองประเทศจะเพิ่มพูนพลวัต และความร่วมมือ ในความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน

เอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าพบ ยินดีที่ได้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่สวยงามน่าอยู่ ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ดำรงตำแหน่ง พร้อมทั้งชื่นชมที่ไทยกับสาธารณรัฐสโลวักมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน และเห็นพ้องว่าทั้งสองประเทศควรกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นวิกฤตที่ท้าทายในระดับโลก ด้านนายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจและอวยพรให้สาธารณรัฐสโลวักควบคุมสถานการณ์โควิด-19 และดูแลประชาชนให้ปลอดภัย

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญอื่นๆ ร่วมกัน ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเห็นว่ายังมีโอกาส และช่องทางในการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก นายกรัฐมนตรีขอให้สโลวักช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุน พร้อมทั้งเชิญชวนให้ภาคเอกชนสโลวักเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งนักลงทุนสโลวักสามารถใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งของไทยในการเป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าสู่ตลาดอาเซียนได้ นอกจากนี้ ทั้งสองเห็นพ้องส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยว่าขอให้เชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาล ยังสามารถดูแลจัดการสถานการณ์ได้ และได้ใช้โอกาสนี้ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลสโลวักในการบริหารจัดการประเทศ








กำลังโหลดความคิดเห็น