วันนี้ (28 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มประชุมองค์คณะเพื่อแถลงด้วยจาจาและลงมติ ในคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.จำนวน 32 คนของฝ่ายรัฐบาล และอีก 32 คนของฝ่ายค้าน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อหรือไม่ ก่อนที่จะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกไต่สวนเฉพาะพยานในส่วนของ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ และนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าบริษัทที่ ส.ส.คนดังกล่าวถือหุ้นอยู่นั้นไม่ได้ทำธุรกิจด้านสื่อ และไม่ได้มีรายได้จากธุรกิจสื่อจริงหรือไม่ แต่ในรายของนายธัญญ์วารินไม่ติดใจที่จะเข้าชี้แจง
ขณะที่บริเวณโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญได้มีการจัดเตรียมสถานที่ โดยยึดตามระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล จัดรั้วเหล็กแบ่งเป็นสัดส่วน สำหรับตัวแทนผู้ร้องและผู้ถูกร้อง รวมทั้งส่วนทำงานของสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวการอ่านคำวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม การออกนั่งบัลลังก์ในวันนี้ไม่ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มเหมือนทุกครั้ง
ขณะที่นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าจะเดินทางมาฟังคำวินิจฉัยของศาลในเวลา 14.00 น. พร้อมกับ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.เขต 6 และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.เขต 9 ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องในคดีถือหุ้นสื่อ พร้อมเปิดเผยว่า ในการแก้ข้อกล่าวหาได้เทียบเคียงกับกรณีคดีหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ศาลเคยวินิจฉัยไปแล้ว โดยยึดข้อมูลตามใบ สสช.1 ซึ่งเป็นใบแจ้งการประกอบกิจการ และ สบช.3 ที่จะชี้ชัดเกี่ยวกับงบดุลรายได้ที่มาว่ามาจากการทำสื่อหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทำสื่อ เพราะไม่ได้มีการขอใบประกอบกิจการสิ่งพิมพ์ที่ต้องของจากสำนักหอสมุดแห่งชาติ และใบประกอบกิจการวิทยุที่ต้องมีใบอนุญาตจาก กสทช.ด้วย