วันนี้ (12 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการดูแลการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามจังหวัดชายแดนไทย-พม่า ว่าในส่วนของด่านควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการค้นพบผู้ติดเชื้อ และความเป็นจริงเราค้นพบมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นด่านแม่สอด จ.ตาก หรือเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้ามาด้วยวิธีที่ถูกต้อง ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีหลุดลอดแม้แต่รายเดียว ดังนั้น ที่ อ.แม่สอด จึงมีการพบคนที่ติดเชื้อและได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ควรจะทำเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดต่อไป
นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าตรวจพบโรคเพียงคนหรือสองคนแล้วจะยกเลิกทุกอย่าง เพราะเรากำลังจะผ่อนคลายให้มีความคล่องตัวเพื่อให้ประชาชนสามารถทำมาหากินได้ตามปกติได้มากที่สุด กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้คาดหวังจะต้องพบการติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่เรามีความพร้อมในการคัดกรองผู้ที่เข้ามาในประเทศตามด่านต่างๆ หากตรวจพบโรคก็จะมีการรักษา หรือผลักดันออกไป หากมีผู้ป่วยเราก็มีความพร้อม เรามีแพทย์ สถานพยาบาล มียา ที่พร้อมในการรักษา ดังนั้น เราต้องหาจุดที่ลงตัว ส่วนผู้ที่บริหารจังหวัดจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับอำนาจที่เขามี เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดจะตัดสินใจปิดด่านก็เป็นอำนาจ
“ไม่ควรมีอะไรต้องตื่นตระหนก แต่ควรต้องทำความเข้าใจที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ เพราะเข้าสู่เดือนที่ 10 การจะไปตั้งรับอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องรู้และต้องเดินคู่ขนานกัน หาวิธีที่จะอยู่ห่างกันให้มากที่สุด ผมก็คิดว่าอยู่ได้ และการติดเชื้อในประเทศไทยก็ไม่มีมาแล้วกว่า 5 เดือน และทุกคนก็มีความระมัดระวัง และสูตรสำเร็จของโควิดยุคนี้จนกว่าจะมีวัคซีน คือ ไม่มีอะไรดีกว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งเชื่อว่าโอกาสติดเชื้อจะน้อยมาก”
นายอนุทินกล่าวว่า อีกทั้งเรายังมีความพร้อมเรื่องยารักษา ถ้ามีการร้องขอจากประเทศเพื่อนบ้าน เราก็พร้อมจะส่งไปยาไปช่วย การช่วยเหลือดังกล่าวนี้ก็ถือเป็นการป้องกันที่จะไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศของเราในอีกวิธีหนึ่งได้ เรามีแผนและนโยบายที่ดี จึงขอให้ประชาชนได้วางใจ และเราก็มีความเตรียมพร้อมทุกอย่าง ไม่ใช่เพื่อต้องการรักษา แต่หากมีการติดเชื้อขอให้ดูฝีมือหมอไทย