เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ชี้ม็อบบุกนำสีละเลง-ปาไข่ป้ายหน้าค่ายทหาร ม.พัน.4 พล.1 รอ. มีความผิด 4 ข้อหา
วันนี้ (29 ก.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีแกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และมวลสมาชิกจำนวนหนึ่ง เดินทางไปที่หน้ากองพันทหารม้า ที่ 4 รักษาพระองค์ ฝั่งตรงข้ามรัฐสภา เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 63 เพื่อทวงถามความคืบหน้าการลงโทษพลทหารนอกเครื่องแบบที่ปรากฏภาพล็อกคอประชาชนที่มาให้กำลังใจกลุ่มไอลอว์ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีตัวแทนออกมาชี้แจงความคืบหน้า กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ บางส่วนแสดงความไม่พอใจด้วยการขว้างปาไข่และนำสีไปละเลงป้ายกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.เตาปูน กว่า 20 นายที่มาคอยควบคุมสถานการณ์อยู่ด้วยนั้น
การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ มีความผิดตามกฎหมายหลายข้อหา อาทิ ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตาม ป.อาญา ม.358 ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นอกจากนั้นยังมีความผิดตาม พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535 ม.12 ที่บัญญัติไว้ว่า “ห้ามมิให้ผู้ใด ขูด กระเทาะ ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใดๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนน บนถนน ที่ต้นไม้ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่อยู่ติดกับถนนหรืออยู่ในที่สาธารณะ” และถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตาม ม.56 อีกด้วย
แต่การที่มีผู้ร่วมเดินทางไปชุมนุมกันหลายคนในพื้นที่ด้านหน้าขวางทางเข้าออกที่ทำการหน่วยงานของรัฐ(ค่ายทหาร) ถือเป็นการฝ่าฝืน ม.8 (1) ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้อง สนับสนุน คัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป และบุคคลอื่นสามารถร่วมการชุมนุมด้วยได้นั้นเรียกว่าเป็นการชุมนุมสาธารณะ ต้องมีการแจ้งต่อหัวหน้าหรือผู้บังคับการตำรวจเจ้าของพื้นที่ก่อนอย่างน้อย 24 ชม.หากไม่ดำเนินการถือว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม ม.10 มีความผิดตาม ม.27 ม.28 และ ม.31 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
อันที่จริง การชุมนุมดังกล่าว “เป็นความผิดซึ่งหน้า” เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าจับกุมได้ทันที หรือหลังจากนี้ ผบ.ม.พัน.4 พล.1 รอ.อาจมอบหมายให้นายทหารเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแกนนำม็อบดังกล่าวได้ตามข้อหาข้างต้น หากไม่ดำเนินการใดๆ ผบ.ม.พัน.4 พล.1 รอ. ก็อาจมีความผิด ตาม ป.อาญา ม.157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ต้องเอาจริงต่อผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อสังคมนั่นเอง