นายกฯ ขอเด็กไทยรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถือเป็นผืนน้ำ ผืนดิน อากาศ ทำให้มีประเทศไทย ลั่นไม่เคยคิดมานั่งนายกฯเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่ปล่อยคนในรบ.หาผลประโยชน์ให้ตัวเอง ชี้สิ่งที่สร้างมาทุบทิ้งสร้างใหม่ทั้งหมดไม่ได้ อย่าขัดแย้ทำลายศักยภาพประเทศ บอกมีความสุขมาเชียงรายอากาศดี
วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.20 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย มาต้อนรับ โดยมาถึงมีฝนที่ตกมาตั้งแต่คืนวันที่ 23 ก.ย.จากนั้น นายกฯนั่งรถตู้โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน กค 4 เชียงราย โรงแรมเวียงอินทร์ ตำบลเวียง อ.มืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อเปิดการสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 111 โรงเรียนทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 39 “ไทยรัฐวิทยากับชีวิตวิถีใหม่”โดยมีคุณหญิงกัลยาโสภณพานิช รมช.ศึกษาธิการ ร่วมงานด้วยขณะที่นายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการบริหารมูลนิธิไทยรัฐ ให้การต้อนรับ
โดยนายกฯได้ทักทายครูและเด็กนักเรียนที่มาต้อนรับ และเดินชมนิทรรศการผลงาน โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากพวกเรา การจะทำอะไรก็ตามหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เราก็ต้องส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะนี่คืออนาคตของชาติ และขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือ เพราะนี้คืออนาคต ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งนายกฯได้ถามเด็กนักเรียนและนักเรียนชนเผ่าม้งที่เรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยาว่า เป็นคนไทยหรือไม่ รักประเทศไทยไหม คนไทยต้องมีหน้าที่อย่างไร ซึ่งนักเรียนได้ตอบว่า เป็นคนไทย นายกฯจึงบอกไปว่าเป็นคนไทยต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะทั้งหมดคือผืนดิน ผืนน้ำและอากาศ เพราะถ้าไม่มีทั้ง 3 อย่างก็ไม่มีประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้ฝากผู้บริหารไทยรัฐให้ช่วยดูแลนักเรียนที่เป็นกำลังของชาติให้รู้รักประเทศและสถาบัน เพราะการปลูกฝังแต่เด็กจะทำให้มีความรักประเทศชาติ เพราะคนเหล่านี้คือกำลังที่จะขับเคลื่อนประเทศในวันข้างหน้า และเข้าห้องสัมมนาทำพิธีมอบโล่รางวัลชนะเลิศ Best Practice กับ 13 โรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนสื่อมวลชนศึกษา
จากนั้น นายกฯกล่าวปาฐกถาพิเศษว่า ต้องเข้าใจว่าการศึกษาของไทยไม่ได้เลวร้าย มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ต้องปรับรูปแบบให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ยุคหลังนิวนอร์มอล จึงต้องสร้างพลเมืองของเราให้เข้มแข็ง มีภูมิต้านทานที่จะเข้าสู่ยุคเหล่านั้นให้ได้ ต้องปรับตัว มีหลักคิด วิสัยทัศน์ มีภูมิคุ้มกันที่ถูกต้องที่จะดำเนนินชีวิตต่อไป โดยพวกลุงๆ อาๆ ป้าๆ ได้ทุมเทตรงนี้ให้กับพวกเราเด็กๆทั้งประเทศ
นายกฯกล่าวว่า วันนี้การศึกษาจำเป็นต้องมีการปฎิรูปคือต้องเรียนรู้นอกจากวิชาการ โดยโรงเรียนต้องไม่ให้เรื่องวิชาการอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้ มีสาระ นำไปใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องพัฒนาไปด้วยกัน การเรียนรู้ รอบรู้ รู้เท่าทัน เราต้องสอนคนให้เป็นอย่างนั้น แต่ทั้งหมดต้องมีพื้นฐานมาจากประวัติสาสตร์ ศิลธรรม คุณธรรม จริยธรรม สิ่งเหล่านี้ต้องอยู่กับคนไทย ในใจทุกคน การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไม่ใช่ของเก่า เรียนรู้ให้รู้ว่าที่ผ่านมาประเทศชาติผ่านพ้นเรื่องเหล่านั้นได้อย่างไร และด้วยใคร มีวัตถุประสงค์อะไรที่จะต้องเสียสละเลือดเนื้อ เสียสละชีวิต มามากมาย โดยบรรพชนของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้สึกเรามีหน้าที่ในการสืบสาน รักษาต่อยอด สิ่งเหล่านี้ต่อไปด้วยความอดทน อดกลั้น เสียสละ รักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ให้กับคนรุ่นหลังนั้นคือสิ่งที่รัฐบาลคิดมาตลอด
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้มีการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งทราบดีเราได้มีการพัฒนา แต่สำคัญที่สุดอยู่ที่ผู้บริหารทางการศึกษา ครู ทุกคนจะทำอย่างไรให้เด็กไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องมีการประเมิน วัดผลใหม่ทั้งหมด ที่จะช่วยกันดูแลทุกอย่างให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยเร็ว ซึ่งการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างชาติ และความร่วมมือเช่นที่ มูลนิธโรงเรียนไทยรัฐได้ดำเนินการ นั่นคือ รวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว แต่รวมถึงภาคเอกชนและประชาชนมาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โดยปราศจากความขัดแย้ง และต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในการดำเนินการให้สามารถปลดล็อกอุปสรรคต่างๆให้เดินหน้าไปได้ การทำสิ่งดีถือเป็นบุญกุศลทั้งสิ้น และเป็นความภาคภูมิใจอย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราทำอะไรเพื่อใคร
“ผมเป็นนายกฯผมคิดอย่างนี้มาตลอด ไม่เคยคิดเป็นอื่นไม่เคยคิดนอกกรอบ ที่จะมานั่งเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ทุกคนที่เป็นรัฐบาลผมจะไม่ปล่อยให้มีการกระทำเช่นนั้น “นายกฯกล่าว
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะแก้ปัญหาโควิด เราต้องแก้ปัญหาโควิดไปด้วยกัน ปราศจากความขัดแย้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรต่างๆก็ตามที่ไม่จำเป็นมากนักในขณะนี้ วันนี้เราต้องเดินหน้าให้ทุกคนปลอดภัย สุขภาพดี เข้าถึงโอกาส เพื่อพัฒนาประเทศชาติไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงให้เร็วที่สุด เพราะเราเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางมานานแล้ว และแม้ว่าประเทศไทยจะมีคนหลายเผ่าพันธุ์ หลายเชื้อชาติ แต่วันนี้ถือเป็นคนไทยทั้งหมดแล้วเพราะอยู่ในแผ่นดินไทย โอกาสทุกคนมีเท่าเทียมกันอยู่ที่ว่าจะใช้ประโยชน์เหล่านี้ทำอะไรเพื่อตัวเอง และประเทศชาติ ถ้าประเทศเข้มแข็งระบบต่างๆแข็งแรงมีเสถียรภาพ โอกาสก็มารวมถึงโอกาสในการพัฒนาก็มี โอกาสที่ทุกคนจะเข้าถึงในสิ่งที่รัฐบาลทำก็มีหมด นี่คือความแตกต่างของไทยกับประเทศอื่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นกัน ซึ่งเราไม่เคยสูญเสียมากมายเช่นในสงครามโลก สงครามความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ เราไม่เคยเป็นแบบนั้น และเราต้องไม่นำประเทศไปสู่ตรงจุดนั้น อยากฝากทุกคนไว้ เราต้องหาสิ่งที่เหมาะสมกับบริบทบ้านเรา ถ้ารื้อทั้งหมดเท่ากับเราทำลายสิ่งที่เราสร้างกันไว้ แล้วจะไปข้างหน้าได้อย่างไร เราต้องสร้างความเชื่อมั่นของคนภายในประเทศและต่างประเทศให้เห็นศักยภาพของเรา
นายกฯ กล่าวว่า ตนมาจ.เชียงรายมีความสุข ลงเครื่องบินมาสบายใจ เจออากาศเย็น และฝนตกพรำๆ ตนยังพูดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่าเราไม่ได้มีโอกาสมาพักผ่อนแบบนี้เป็น 10 ปีแล้วนะ เพราะหลายปีที่เรามีแต่ความวุ่นวายไปหมด เราไม่เคยได้พักผ่อนแบบนี้ ยังบอกเลยว่าดีใจแทนชาวจ.เชียงรายและจังหวัดอื่นในภาคเหนือ ตนชอบมากที่สุด แต่ก่อนเคยมาพัก มานอนอยู่นี่เมื่อครั้งมาทำงานหลายๆโอกาส รอยยิ้ม วัฒนธรรม ที่หลากหลาย นี่คือศักยภาพของคนไทยทั้งสิ้ ความโอบอ้อมอารี ปรองดอง สมานฉันท์ ถ้อยทีถ้อยอาศัย พึงพากันและกัน สิ่งเหล่านี้ต้องอยู่ต่อไป ถ้าไม่อยู่แล้วจะทำกันอย่างไรต่อไป สิ่งที่เราร่วมสร้างกันมามันก็จบ เราไม่จำเป็นต้องรื้อทุบทิ้งสร้างใหม่ทั้งหมดมันทำไม่ได้หรอก
นายกฯกล่าาวว่า วันนี้อยากให้กลับมาเน้นเรื่องคุณภาพ เขาจะได้ไปต่อที่ไหนอย่างไร มีอนาคตอย่างไร นั้นคือสิ่งที่ต้องติดตามและปรับปรุง ไม่มีอะไรที่หยุดนิ่งได้ ถ้าไม่คิดใหม่ก็ไปแบบเดิม ต้องคิดว่าจะสอนอะไรนอกจากวิชาการ เพื่อให้เด็กมีคุ้มกันตัวเอง เพราะเด็กวันนี้เราทราบดีอยู่แล้วไม่เหมือนสมัยเรา วันนี้เขาเผชิญกับสิ่งที่เจริญแล้ว เขาต้องการให้เร็วกว่านี้ แล้วเขาลืมไปหรือเปล่ากว่าจะถึงตรงนี้ได้ผ่านระยะเวลามาเท่าไร มีการพัฒนามาเท่าไร เขาเกิดมาเจอแต่สิ่งที่พัฒนาแล้ว แต่ต้องการให้เร็วขึ้นทั้งหมดมันทำได้ไหม ซึ่งหากมีความพร้อมจะทำอะไรก็ได้ เนรมิตอะไรก็ได้ แต่บ้านเราต้องมีขั้นตอนการบริหารในการพัฒนาประเทศ ถึงได้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 แต่ไม่ได้หมายความว่า นายกฯ จะอยู่ 20 เป็นเพียงกรอบการทำงาน นี่คือการเดินให้คตรงทางไม่เดินเลี้ยวลดไปมากนัก ต้องย้อนกลับไปคิดดู เหมือนย้อนดู เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนปรองดอง รักสามัคคี ยึดมั่นในแนวทาง ซึ่งเราอยู่ด้วยความสงบมายาวนาน
นายกฯกล่าวว่า เรื่องโควิด เราประมาทไม่ได้ต้องป้องกันการระบาดจากต่างประเทศซึ่งวันนี้มีเยอะขึ้น รัฐบาลพยายามเต็มที่ จนได้รับความเชื่อมั่นเป็นอันดับต้นๆของโลก นั้นคือสิ่งที่เราอาจลืมไปแล้ว เราไปมุ่งความขัดแย้งอื่นๆเยอะเกินไปในขณะ สิ่งที่เราทำได้ดีมันเป็นศักยภาพของเราทั้งสิ้น เราเปลี่ยนตัวเองมากนักไม่ได้ เป็นคนดีคนเก่ง มีงานทำ เคารพกฎหมาย เคารพสถาบัน และทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน แค่นี้ก็จบแล้ว มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ซึ่งการเรียนนอกห้องเรียนมีเยอะแยะ บางทีการศึกษา บางทีไปเรียนรู้ในที่ชุมนุม ร้านค้า เวทีต่างๆ ของประชาชน คุยกันให้มันสร้างสรรค์ ไม่ใช่คุยกันต้องขัดแย้ง ต้องทำลาย ตนไม่ใช่ มันทำให้เสียโอกาส เสียเวลา
นายกฯยังกล่าวกับผู้ร่วมสัมมนาตินท้ายว่า “พวกเราทุกคนในห้องสัญญากับผมได้ไหม เราจะทำให้ประเทศชาติของเราให้ดีขึ้นโดยสงบและปลอดภัย จะร่วมมือกับผมไหมครับ”จากนั้นผู้เข้าร่วมสัมนาในห้องได้ปรบมือให้กับนายกรัฯเป็นการให้สัญญา ซึ่งนายกฯได้กล่าวขอบคุณพร้อมกล่าวว่า ขอบคุณนะ ทำให้ตนมีกำลังใจในการทำงานต่อไป ตนยืนยันว่าไม่ได้มีจิตปรารถนาเป็นอย่งอื่นเลย ถ้าทำต้องทำให้ดีที่สุด ด้วยความรักประชาชน รักประเทศชาติขของเรา ไปด้วยกัน หลักการของรัฐบาลคือรวมไทยสร้างชาติ
จากนั้น นายกฯยังได้เดินทักทายผู้เข้าร่วมสัมนาและได้ร่วมชมการแสดงวงสล้อ ซอซึง ที่เล่นเพลงหมู่เฮาชาวเหนือ ซึ่งนายกฯได้เข้าไปร่วมเล่นเครื่องดนตรีตีกลองฉิ่งหรือแทมโบรีนไม้กับนักเรียนอย่างอารมณ์ดี