กกต.ปิดจ็อบสอบ 31 พรรคกู้ยืมเงินพบไม่ผิดกฎหมาย เพราะส่วนใหญ่เป็นเงินทดรองจ่ายระยะสั้นวงเงินไม่ถึง 10 ล้านต่อคนต่อปี ต่อพรรค ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พร้อมสอบไทรักธรรม หลังพบล่องหนหายจากบัญชี 10 ล้าน อ้างถอนเก็บเซฟที่พรรค หากไม่พบมีโทษ
วันนี้ (21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นชอบตามที่สำนักงานฯ เสนอ ให้มีการยุติเรื่องหลังตรวจสอบตามคำร้องที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้ตรวจสอบว่าพรรคการเมืองจำนวน 32 พรรคการเมืองมีการกู้ยืมเงินมาใช้ในกิจการของพรรคการเมือง เป็นการกระทำหรือนิติกรรมที่ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 62 ประกอบมาตรา 72 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ซึ่งมีโทษยุบพรรค เช่นเดียวกับที่มีการยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ โดยผลการตรวจสอบ งบการเงินตั้งแต่ปี 2560-2562 รวม31พรรค (ยกเว้นพรรคอนาคตใหม่) ของ กกต.พบว่า การให้กู้ยืมเงิน หรือการยืมเงินทดรองจ่ายจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค พรรคการเมือง หรือกรรมการสาขาพรรค โดยไม่คิดดอกเบี้ยหรือคิดดอกเบี้ยที่ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า ถือว่าเป็นประโยชน์อื่นใด ตามมาตรา 4 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 และพบว่าทุกพรรคมีการกู้ยืมเงิน ยืมเงินทดรองจ่ายดังกล่าวจากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคฯ ไม่เกิน 10 ล้านบาท ต่อคนต่อพรรคต่อปี ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไว้ในคดียุบพรรคอนาคตใหม่ จึงถือว่าการกู้ยืมเงินดังกล่าวของทั้ง 31 พรรค ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งหลังนายทะเบียนเห็นชอบก็ได้มีการแจ้งให้ กกต.ทราบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 31 พรรค ซึ่งไม่รวมพรรคอนาคตใหม่ ที่นายศรีสุวรรณร้องขอให้สอบเพิ่มเติมประกอบด้วย พรรคพลังศรัทธา, พรรคพลังชาติไทย, พรรคไทยธรรม, พรรครวมพลังประชาชาติไทย, พรรครวมใจไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคเพื่อสหกรณ์ไทย, พรรคพลังไทยรักชาติ, พรรคเมืองไทยของเรา, พรรคเพื่อชีวิตใหม่, พรรคเงินเดือนประชาชน, พรรคไทรักธรรม,พรรคพลังประชาธิปไตย, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคพลังท้องถิ่นไท, พรรคชาติพัฒนา, พรรคพลังไทยรักษาชาติ, พรรคเพื่อสันติ, พรรคพลังประชาธิปไตย, พรรคพลังชล, พรรคพลังสหกรณ์, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย, พรรคพลังคนกีฬา, พรรคเพื่อธรรม, พรรคเพื่อไทย, พรรคชาติไทยพัฒนา, พรรคอนาคตไทย, พรรคภูมิใจไทย, พรรคประชากรไทย, พรรคมหาชน และพรรคความหวังใหม่
ทั้งนี้ มีรายงานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงาน กกต.จะเดินทางไปตรวจสอบเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่พรรคไทรักธรรม ได้รับการจัดสรรในปี 2563 จำนวน 11 ล้านบาท ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ย.) ณ ที่ทำการพรรค หลังพบความผิดปกติ พรรคมีการถอนเงินจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเหลือจากการทำกิจกรรมตามโครงการฯ ที่ขอรับการอุดหนุนไปเพียงโครงการเดียว 1 ล้านบาท ออกจากบัญชีเงินกองทุนของธนาคารกรุงไทย ที่นายทะเบียนพรรคการเมืองจะให้ทุกพรรคการเมืองเปิดบัญชีไว้ แยกจากบัญชีเงินพรรค ไปเก็บไว้ที่พรรคว่ามีอยู่จริงหรือไม่
โดยกรณีดังกล่าว กกต.ตรวจพบว่ามีการถอนเงินหลังคณะกรรมการกองทุนได้มีการโอนเงินที่พรรคได้รับจัดสรรทั้งหมด 11 ล้าน เข้าไปในบัญชี เพียง 1 วัน จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่พรรค และนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรค มาชี้แจงซึ่งระบุว่าต้องการนำเงินไปเก็บไว้ที่ตู้เซฟของพรรค ทางคณะกรรมการฯ จึงต้องการไปตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวยังอยู่จริงตามที่อ้างหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายพีระวิทย์ได้มีหนังสือมาถึงคณะกรรมการฯ ในช่วงบ่ายวันนี้เพื่อแจ้งขอเลื่อนการตรวจสอบเงินดังกล่าว ทั้งที่การนัดตรวจสอบเงินในวันที่ 22ก.ย.นี้ทางพรรคเป็นผู้แจ้งนัดหมายเอง แต่ทางคณะกรรมการฯ ไม่อนุญาตให้มีการเลื่อน จึงจะเดินทางไปตรวจสอบตามที่นัดหมาย ที่ทำการพรรคในเวลา 13.00 น.
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ตามแนวทางที่ทางคณะกรรมการเตรียมไว้หากไปตรวจสอบแล้วพบว่าเงิน 10 ล้านอยู่ที่พรรคก็จะแจ้งให้พรรคนำเข้าบัญชีเงินกองทุนฯของธนาคารกรุงไทยที่เปิดไว้ รวมทั้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแจ้งหากมีการนำเงินเข้าล่าช้าก็จะมีโทษปรับทางปกครอง ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง แต่หากไม่พบเงิน 10 ล้าน ก็จะต้องมีการดำเนินการเอาผิด โดยต้องเรียกเงินคืนทั้งจำนวน ตามมาตรา 85 วรรคแรกของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง และมีคววามผิดฐานฐานรายงานเท็จ ตามมาตรา 130 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท รวมทั้งดำเนินการเอาผิดทางอาญาด้วย