ประชุมสภาฯ พิจารณาร่างงบฯ 64 ส่วนของ มท. “วรวัจน์” หวั่นงบซื้อชุดรังวัดที่ดินไม่โปร่งใส “วิสาร” ห่วงโคกหนองนาโมเดลซ้ำรอย OTOP นวัตวิถี เตือนระวังโครงการเหนือเกล้าฯ ระดับหมื่นล้านรั่วไหล
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในมาตรา 21 กระทรวงมหาดไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่ปรึกษากรรมาธิการ อภิปรายถึงกรมที่ดินว่าเมื่อก่อนใช้การเดินรังวัดทำโฉนด ทุกวันนี้มีการใช้ข้อมูลดาวเทียมในการทำโฉนดที่ดิน ซึ่งต้องมีเสาสัญญาณเป็นตัวรับ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรังวัดที่ดินด้วยระบบดาวเทียม 258 ล้านบาท ประกอบด้วย สถานีรังวัดดาวเทียมฐาน เป็นเสาหลักที่กระจายสัญญาณทั่วประเทศด้วยระยะ 20-80 กิโลเมตร กรมที่ดินซื้อชุดรังวัดที่ดินตั้งแต่ปี 2559 มาเรื่อยๆ ทุกปี โดยบริษัทที่ได้รับสัมปทาน คือ บริษัท CC จำกัดใช้เครื่องของจีนที่มีรัศมี 50 กิโลเมตร ขณะที่กรมแผนที่ทหารใช้เครื่องไลก้าของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีรัศมี 80 กิโลเมตร นั่นหมายความว่ากรมที่ดินต้องตั้งเสาสัญญาณถี่กว่า ทั้งที่ราคาที่จัดซื้อเป็นของยุโรป แต่ซื้อของจีนซึ่งให้เหตุผลว่าของจีนดีกว่าของยุโรป และในรายการงบประมาณมีราคาที่แพงกว่ายุโรปเล็กน้อย และในการประกวดราคาซื้อ บริษัทอื่นเสนอมาเท่าไรและถูกปัดตกด้วยเหตุผลเทคโนโลยีทั้งหมด บริษัท CC ตั้งราคา 227 ล้านบาท แต่บริษัทอื่นๆ ไม่เกิน 100 ล้านบาท กลับไม่ผ่านเกณฑ์ ตนจึงตั้งคำถามว่ากระบวนการนี้โปร่งใสหรือไม่ ตั้งราคายุโรป แต่ใช้กลไกซ่อนเร้นตัดสิทธิ์บริษัทอื่นทั้งหมด ตนเชื่อว่าไม่โปร่งใสแน่นอนตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยังมีอีกหลายหน่วยงานตั้งงบประมาณไม่เหมาะสมและไม่โปร่งใส
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ขอปรับลด 5% ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องวิทยุสื่อสาร 4,344 ล้านบาท มีคำอธิบายโครงการเน้นการสื่อสารในการประชุม สื่อสารแบบเครือข่าย แสวงหาความร่วมมือจากประชาชนในรูปแบบประชารัฐ สื่อสารแบบสองทาง และเพื่อให้เกิดการแจ้งเตือนภัยแบบรวดเร็ว จัดซื้อ 76,236 เครื่อง เฉลี่ยราคาเครื่องละ 56,980 บาท แต่จากการสืบค้นในเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ วิทยุสื่อสารแบบที่ราชการจะจัดซื้อ 136-174 MHz แพงสุดราคาปลีกเครื่อง 9,500 บาท ซึ่งถ้าเปรียบกับงบประมาณที่ขอมาต่างกันหลายเท่า ตนตั้งคำถามว่าจำเป็นแค่ไหนที่จัดซื้อวิทยุสื่อสาร มีเทคโนโลยีอื่นแทนได้ไหม เช่น ไลน์ และราคาเหมาะสมหรือไม่
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายท้วงติงงบโครงการโคกหนองนาโมเดล ของกรมพัฒนาชุมชน ว่าตนกังวลว่าโคกหนองนาโมเดลจะเหมือนกับ OTOP นวัตวิถี เมื่อปีที่เเล้ว ที่กรมพัฒนาชุมชนชุดเดียวกันนี้ใช้งบไป 9,300 ล้านบาท แต่มีกรณีวัดครึ่ง-กรรมการครึ่ง ถ้าไม่เชื่อลองตามไปดูไม้ไผ่ที่ปักไว้ตามหมู่บ้าน ผู้นำหมู่บ้านไม่รู้จะเอาไปทิ้งที่ไหนแล้ว ซึ่งเละเทะ เงิน 9,300 ล้านบาท เสียหายหมด ต้องมีการตรวจสอบโดย ป.ป.ช.และ สตง.แน่นอน เพราะคนทำอีเวนท์ต์เเบ่งเงินกันเลย มีการจัดอบรมแล้วเอาไม้ไผ่ไปปักไว้ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน บางที่เขาก็ไม่ต้องการเพราะการดำเนินการลักษณะดังกล่าว ไม่ตอบโจทย์ความต้องการประชาชน ถ้าจะทำโคกหนองนาโมเดล โดยไปใช้เงินกู้ 400,000 ล้านบาท ซึ่งทางกรมพัฒนาชุมชนได้ไป 4,787 ล้านบาท แล้วทำไมท่านเอาไปลงเฉพาะพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง บางอำเภอได้เยอะ บางอำเภอกลับไม่ได้เลย อย่างนี้ จะถือว่าท่านตามรอยพระราชดำริหรือไม่
นายวิสารกล่าวว่า ตนเตือนท่านผู้บริหารโดยเฉพาะ กมธ.ท่านได้มีการซักไซ้แล้วใช่หรือไม่ โครงการอันนี้เป็นโครงการที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินให้ความใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้าปล่อยให้เหมือนกับหมู่บ้านนวัติวิถีเมื่อปีที่เเล้ว พวกเราจะรับไม่ได้ เพราะปรากฏว่ามีการไปแบ่งซ้ายแบ่งขวา ตนคิดว่า กมธ.ต้องตอบให้ได้ว่าโครงการนี้ท่านมั่นใจไหม โคกหนองนาโมเดล เท่าที่ตนทราบจะใช้เงินจากเงินกู้จำนวน 4,700 กว่าล้านบาท และใช้เงินจากกรมพัฒนาชุมชนอีกหลายร้อยล้านบาท มีอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกหลายร้อยล้านบาท เบ็ดเสร็จรวมกันแล้วเป็นหมื่นกว่าล้านบาท สภาแห่งนี้จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน โครงการใหญ่แบบนี้เป็นโครงการตามรอยพระราชดำริ เป็นโครงการที่เราจะต้องยกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม แต่ถ้า กมธ.ยังไม่ดูแลอย่างใกล้ชิด และปล่อยให้มีการรั่วไหลเหมือนโครงการนวัตวิถีปีที่แล้วตนไม่เห็นด้วยแน่นอน