“บิ๊กตู่” ลั่นไม่ขู่ ประเทศต้องอยู่ด้วยกฎหมาย ไม่ยอมให้ม็อบก่อเหตุบานปลาย เตือนผู้ชุมนุมต้องมีจิตสำนึก ควรรู้อะไรควรไม่ควร สถานที่สำคัญ-เขตพระราชฐาน เกิดอะไรขึ้นต้องร่วมกันรับผิดชอบ ดักคอทราบดีคนเดิมชักใยเด็กชุมนุม
วันนี้ (17 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.ว่า ตนได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลในภาพรวม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ทำงานตามหน้าที่ของตัวเองไป เน้นย้ำเพียงว่าขอให้ปฏิบัติด้วยความนุ่มนวลเพราะเป็นเด็กเป็นลูกหลานทั้งนั้น ฉะนั้น ในส่วนตรงนี้ขอร้องว่าอะไรที่ไม่ควร ไม่ถูก สถานที่ราชการต่างๆ เหล่านี้ที่มีกติกา กฎหมายอยู่แล้วก็ไม่ควรปฏิบัติให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ได้ย้ำเจ้าหน้าที่ว่าขอให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะอาจจะมีหลายคนหลายฝ่ายที่พยายามให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่ความบานปลายซึ่งรัฐบาลจำเป็นจะต้องไม่ให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย และช่วงที่ผ่านมาทุกคนทราบดี คนทั้งประเทศทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น และกฎหมายคืออะไร รัฐธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญ ขณะที่รัฐธรรมนูญมีกฎหมายลูกอีกหลายร้อยกฎหมาย ถ้าเรามัวแต่อ้างเรื่องธรรมนูญเพียงอย่างเดียว มันเป็นกฎหมายกรอบใหญ่ แต่ในทางปฏิบัติมันเป็นกฎหมายลูกซึ่งทุกคนต้องระมัดระวังด้วย
“ผมไม่ได้ขู่ใคร แต่ประเทศชาติอยู่ด้วยกฎหมาย อยู่ด้วยหลักการและเหตุผลของกฎหมายแต่ละฉบับ ฉะนั้น ถ้าทุกคนตั้งใจจะฝ่าฝืนกฎหมาย ผมคิดว่าคนอื่นคนทั้งประเทศเขาจะยินยอมหรือไม่ เพราะจะเกิดผลกระทบต่อคนอื่นเขาด้วย ในช่วงนี้ผมไม่ได้ไปขัดแย้งกับท่าน ท่านจะชุมนุม อ้างตามรัฐธรรมนูญก็อ้างไป แต่ในส่วนที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย เดือดร้อน ขอให้มีจิตสำนึกตัวเองด้วย เพราะท่านคือคนไทย หากประเทศไทยเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ คงไม่ใช่นายกฯ หรือรัฐบาลแต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้นขอให้เข้าใจหลักการและเหตุผลตรงนี้ด้วย” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนแนวทางการขับเคลื่อนอะไรต่างๆ ตนทราบอยู่แล้วว่าเขาจะทำอะไรบ้าง ไปที่ไหนอย่างไร เพียงแต่ว่าขอให้ระมัดระวังที่สุด อะไรที่ไม่สมควรก็อย่าไปกระทำ ตนอยากจะอดทนอย่างยิ่งยวดอยู่แล้ว และจะเห็นได้ว่าระยะเวลาที่ผ่านมาพยายามอดทนหาวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม และทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ เพราะหลายคนหลายส่วนยังเดือดร้อนในเรื่องของเศรษฐกิจ ธุรกิจต่างๆ ถ้ามีอะไรที่วุ่นวายเกิดขึ้นแล้ว มันจะดีขึ้นได้หรือไม่ ถ้ามันไม่ได้ใครจะช่วยกันดูแลต่อไป ใครจะรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้อยากให้ทุกคนคิดให้ครบถ้วนกระบวนความ
“โอเค จะชุมนุมจะอะไรก็แล้วแต่ก็เป็นสิทธิของท่าน ก็ว่ากันไป แต่สิทธิของคนอื่นจะว่าอย่างไร ในเรื่องของสถานที่ราชการจะว่าอย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นกติกาของประเทศ เป็นกฎหมายของประเทศที่ทุกคนจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์จากการกระทำ อย่างที่เขาพูดว่า you got what you pay ภาษาฝรั่งเขาพูดอย่างนี้ ท่านทำอะไรท่านได้อย่างนั้น ตัวเองไม่ได้เดือดร้อน แต่ประเทศชาติเดือดร้อน คนอื่นเดือดร้อน ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ในเมื่อทุกคนบอกรักชาติ รักประเทศ ต้องการจะแก้ไขประเทศก็ต้องเริ่มจากการแก้ไขตัวเองเสียก่อนว่าจะต้องแก้ไขตัวเองอย่างไร จะต้องเข้าใจกันอย่างไร ถ้าเริ่มต้นในสิ่งที่ขัดแย้งกันตลอด มันก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ฉะนั้นวันนี้เราต้องมองไปข้างหน้า โดยสืบสานตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนปุ๊บเลยทีเดียวแล้วเป็นแบบนั้นเลย ลองไปดูว่าทำได้หรือไม่ กฎหมายเป็นอย่างไร วิธีการทำงานเป็นอย่างไร
ฉะนั้นหลายคนก็พูดออกมาแล้วทำให้เกิดความเชื่อมั่นเชื่อถือ โดยที่ไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่พูดมาแล้วนั้นมันเป็นอันตราย หรือมันทำได้หรือไม่ได้ แต่ทุกคนก็พูดให้เพื่อเป็นการปลุกเร้าคนเหล่านี้ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด เราผ่านบทเรียนมามากพอสมควรแล้ว ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดมาหลายครั้งแล้ว และบางครั้งคนเดิมๆ เขาอยู่ และวันนี้ก็ยังทำเช่นนั้นอยู่ซึ่งทุกคนทราบดี ผมคงไม่ไปเอ่ยถึงใครให้มีปัญหากันอีก แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึก ตราบใดที่ทุกคนยืนในประเทศไทยก็ต้องคิดร่วมกันทำให้ประเทศชาติ ประชาชนปลอดภัย การพัฒนาประเทศเดินไปข้างหน้า”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หลายส่วนหลายอย่างทุกคนต้องยอมรับว่ามีความก้าวหน้า บางอย่างทำได้เร็ว บางอย่างไม่ได้ก็ต้องแก้กันต่อไป ตนคิดว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่นำทุกอย่างมาแก้ไขปัญหาอุปสรรคในอดีตที่ผ่านมา และเดินหน้าประเทศได้หลายมิติ ฉะนั้นให้ความเป็นธรรมด้วยจากการทำงานของรัฐบาล ไม่ว่าตนจะมาอย่างไรก็ตาม แต่คิดว่าตนได้ทำหลายอย่างให้ประเทศไทย มันเป็นการทำงานตามหน้าที่ ในเมื่อตนเป็นนายกฯ ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเอง และไม่ต้องการให้ใครมาชื่นชม ตนภูมิใจตัวเองว่าทำสิ่งเหล่านี้เพื่อใคร ก็ทำเพื่อคนไทย เพื่อลูกเพื่อหลาน 67 ล้านคนในปัจจุบัน ฉะนั้น ขอให้นึกถึงคนอีก 60 กว่าล้านคนว่าเขาจะลำบากหรือไม่ เขาจะเดือดร้อนไหมถ้าประเทศชาติเกิดความวุ่นวาย และต่างชาติจะเป็นอย่างไร วันนี้เราได้เตรียมการท่องเที่ยวในการนำคนเข้ามาเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ขอถามว่าถ้าทุกอย่างหยุดวันนี้ แล้วใครจะทำ แล้วจะทำได้หรือไม่ ฉะนั้นลองมองและสื่อสารทั้ง 2 ทางแล้วมาวิเคราะห์ใคร่ครวญดูว่าจะทำอย่างไรกัน ตนถือว่าเป็นความรับผิดชอบของคนไทยทุกคน บ้านเมืองก็มีปัญหาเยอะอยู่พอสมควรแล้ว ตนก็พยายามแก้ให้มากที่สุด และวันนี้ก็ได้มอบรางวัลคนดีๆ ก็มีเยอะ คนที่ตั้งใจทำงานก็เยอะ และเยอะกว่าคนไม่ดี ส่วนคนไม่ดีก็ต้องแก้และทำให้ตัวเองเป็นคนดีขึ้น ให้สังคมยอมรับมากยิ่งขึ้นมันก็แค่นั้น สังคมมันเป็นอย่างนี้ ถ้าเรามัวแต่ขัดแย้งกันไปมา หรือทำงานเริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง มันก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ไม่ว่าใครจะมาหรือจะไป มันก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ แล้วตนถามว่าประเทศชาติจะอยู่ได้ไหม ที่เราเรียกว่าศักยภาพของประเทศไทยมีมากมายทุกคนรู้ดี แต่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ มันทำลายศักยภาพและโอกาสของประเทศไทยในเวทีโลก และของเราเอง ฉะนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่อยากจะฝากไปยังประชาชน พ่อแม่พี่น้องทุกคน และที่นอกเหนือจากกลุ่มที่ชุมนุมเหล่านี้ได้เข้าใจว่าจะช่วยเหลือบ้านเมืองกันได้อย่างไรในเวลานี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการชุนนุมเคลื่อนมาใกล้เขตพระราชฐาน นายกฯ จะให้ข้อคิดอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า “กฎหมายคือกฎหมาย”