xs
xsm
sm
md
lg

กสม.ชี้สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริม “หาดมหาราช” ไม่สอดคล้องสิทธิการมีส่วนร่วมของ ปชช. ชงรัฐสั่งชะลอจนกว่ามีกฎกระทรวง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กสม.ชี้สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลฯ หาดมหาราช สงขลา ไม่สอดคล้องสิทธิการมีส่วนร่วมของปชช.และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติฯ ชงรัฐสั่งชะลอจนกว่ามีกฎกระทรวง-ทบทวนให้ทุกโครงการก่อสร้างบริเวณหรือในทะเล ต้องทำ EIA

วันนี้ (10 ก.ย.) นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า กสม.ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบเรื่องสิทธิชุมชน กรณีกล่าวอ้างว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลหาดมหาราช อ.สทิงพระ จ.สงขลา อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ตามที่ตัวแทนเครือข่ายประชาชนรักษ์หาดสทิงพระ ร้องเรียนมายัง กสม.เมื่อเดือนมีนาคม 2563 โดยพิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย บทบัญญัติกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วสรุปได้ว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่หาดมหาราช ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างในระยะที่ 2 และแม้โครงการไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) แต่กรมโยธาธิการฯ ได้จัดให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) ควบคู่ไปกับการสำรวจออกแบบรายละเอียดเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล และจัดให้การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

แต่จากการตรวจสอบพบว่า โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลเดิมเคยถูกกำหนดให้เป็นโครงการที่ต้องจัดทำรายงาน EIA แต่เมื่อปี 2556 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติให้ยกเลิกการจัดทำรายงาน EIA เพื่อให้สามารถแก้ไขและป้องกันปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการที่เคยถูกกำหนดให้เป็นโครงการที่ต้องจัดทำรายงาน EIA ย่อมแสดงว่าโครงการประเภทดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดทำโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลจึงควรดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็น และเหมาะสมกับสภาพชายฝั่งในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงในการกัดเซาะหรือพังทลายระดับวิกฤตรุนแรง อันสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2560-2579 ที่ได้กำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งไว้ว่า การแก้ไขปัญหาโดยใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมเหมาะสำหรับบริเวณชายฝั่งที่มีปัญหาการถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง ตามคำชี้แจงของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งปรากฏว่า ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาไม่พบปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งบริเวณหาดมหาราช และเป็นชายหาดที่มีสภาพสมดุล มีความสำคัญด้านชีวภาพที่ควรแก่การอนุรักษ์ เช่น จักจั่นทะเล และมีทรัพยากรหอยเสียบซึ่งเป็นแหล่งการทำประมงชายฝั่งของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน หากมีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล อาจเป็นการตัดความเชื่อมโยงของระบบนิเวศชายหาด การดำเนินโครงการดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับมาตรการการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในปัจจุบัน ที่สำคัญ ในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นก็เน้นให้ประชาชนเลือกรูปแบบเขื่อนตั้งแต่การประชุมใหญ่ครั้งแรก ซึ่งควรเป็นการรับฟังสภาพปัญหาและข้อห่วงกังวลของประชาชน และยังขาดการให้ข้อมูลด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการตัดสินใจตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของชาวบ้าน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง อีกทั้งประชาชนบางส่วนอาจได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ชุมชนชาวประมงพื้นบ้านที่อยู่ติดหาดมหาราช ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง และไม่ได้รับทราบถึงผลกระทบต่อจุดที่ชาวประมงพื้นบ้านใช้เป็นที่จอดเรือและตากสัตว์น้ำที่จับได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง

“กสม.จึงเห็นว่า การดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลฯ หาดมหาราช ยังไม่สอดคล้องกับสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่สอดคล้องกับการทำหน้าที่ของรัฐในการจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งผู้ดำเนินการจะต้องให้ประชาชนและชุมชนในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินการและได้รับประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวตามสิทธิที่ได้มีการรับรองและคุ้มครองไว้”

นายวัสยังกล่าวด้วยว่า นอกจากเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว ในชั้นการตรวจสอบได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเรื่องร้องเรียนที่ขอให้ กสม.ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น และเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลในพื้นที่อีกหลายแห่ง รวมทั้งเรื่องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลปกครองพบว่า สาเหตุสำคัญคือการเพิกถอนโครงการก่อสร้างหรือขยายสิ่งก่อสร้างบริเวณหรือในทะเล ประเภทกำแพงริมชายฝั่ง ติดแนวฝั่งที่มีความยาวตั้งแต่ 200 เมตรขึ้นไป ออกจากโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงาน EIA การเพิกถอนนี้ นอกจากจะลดทอนสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชนแล้ว การตรวจทานผลการศึกษาโดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ รวมถึงความเหมาะสมในการจัดกระบวนการมีส่วนร่วมก็ลดทอนลงไปด้วยเช่นกัน ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการและการยอมรับจากประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีก กสม.จึงมีมติเสนอแนะมาตรการป้องกัน แก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ต่อคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ควรให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ชะลอโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลฯ หาดมหาราช ระยะที่ 2 หารือร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อประเมินผลกระทบจากโครงการดังกล่าวว่ามีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาในพื้นที่และควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างครบถ้วน ส่วนการดำเนินโครงการในระยะที่ 3 และโครงการในลักษณะเดียวกันนี้ในพื้นที่อื่น ควรชะลอไปก่อนจนกว่าจะมีกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันคลื่นริมชายหาดและเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลใช้บังคับ

ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว คณะรัฐมนตรีควรมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการพิจารณาทบทวนให้โครงการก่อสร้างหรือขยายสิ่งก่อสร้างบริเวณหรือในทะเล ได้แก่ กำแพงริมชายฝั่ง ติดแนวชายฝั่ง ให้ต้องจัดทำรายงาน EIA รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งให้เกิดกลไกการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เร่งรัดการพิจารณาออกกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันคลื่นริมชายหาดและเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น