หน.กลุ่มไทยภักดี สวนแอมเนสตี้ออกตัวเรียกร้องแทนม็อบ เป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดกับแกนนำ ตามตำราชักศึกเข้าบ้าน ย้อนที่ กปปส.โดนลอบยิง-เหตุคนผิวสีที่สหรัฐฯ ดันเงียบกริบ มองชุมนุมใหญ่เงื่อนไขยังไม่สุกงอม
วันนี้ (7 ก.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และหัวหน้ากลุ่มไทยภักดี กล่าวถึงกรณีองค์กรนิรโทษกรรมสากล แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ออกมาเรียกร้องสิทธิให้กลุ่มผู้ชุมนุมต่อรัฐบาลไทยว่า อย่าปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอกว่า เป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดระหว่างแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มนี้กับองค์กรต่างประเทศเหล่านี้ เพราะหากย้อนไปดูจะพบว่ามีความสัมพันธ์กัน ทุกอย่างเป็นไปตามตำราการชักศึกเข้าบ้านด้วยการดึงเอาองค์กรเอ็นจีโอต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มนี้เพื่อกดดันรัฐบาล
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสังเกตคือในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่มีกลุ่มติดอาวุธดักทำร้าย ใช้อาวุธสงครามยิงใส่กลุ่ม กปปส.จนมีผู้เสียชีวิต 24 ราย มีผู้บาดเจ็บสาหัสและบาดเจ็บรวมกว่า 700 คน แต่องค์กรเหล่านี้กลับเงียบกริบไม่มีการออกมาแสดงท่าทีใดๆ ไม่มีแม้แต่จะท้วงติงถึงการปกป้องสิทธิใดๆ ของพี่น้องประชาชน หรือแม้กระทั่งเหตุการชุมนุมที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในรัฐต่างๆ ที่คนผิวสีออกมาเรียกร้องสิทธิหลังตำรวจผิวขาวยิงปืนใส่คนผิวสีจนเสียชีวิตในหลายรัฐจนเกิดเป็นกระแสเรียกร้องสิทธิคนผิวสีไปทั่วโลกทุกวงการ ไม่เห็นองค์กรแอมนาสตี้ที่ว่านี้จะออกมาแสดงบทบาทเรียกร้องสิทธิ หรือท้วงติงใดๆ ต่อทางการหรือรัฐบาลประเทศนั้น
“ฉะนั้น พฤติกรรมสมรู้ร่วมคิดในการชักศึกเข้าบ้านที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ ผมบอกได้เลยว่าคนไทยรับไม่ได้เพราะเป็นเรื่องภายในบ้านของเรา ไม่ใช่ดึงคนนอกบ้านเข้ามาแทรกแซงปัญหาในบ้าน และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายเช่นรัฐบาลในอดีตที่ใช้กำลังต่อผู้ชุมนุม จึงเชื่อว่าการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้เงื่อนไขต่างๆ ยังไม่สุกงอมพอที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อย่างที่บอกว่ารัฐบาลพยายามดูแล ไม่ให้เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ จึงเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ในสังคมคงรู้ว่าอะไรควร หรือไม่ควร และอย่าเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงเรื่องในบ้านของเรา” นพ.วรงค์กล่าว