โฆษกรัฐบาลแจงมาตรการช่วยค่าใช้จ่ายให้ประชาชน 15 ล้านคน ในวงเงิน 3,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย ลดค่าครองชีพ และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ชี้แค่เห็นชอบในหลักการ ยังไม่ได้อนุมัติโครงการ รอเคาะอีก 2 สัปดาห์
วันนี้ (5 ก.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวเรื่องมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการช่วยค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน 15 ล้านคน ในวงเงิน 3,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย เป็นการลดค่าครองชีพ และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนั้น
มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงหลักการในเบื้องต้นที่ทางกระทรวงการคลังได้นำเสนอในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ.เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะอนุมัติให้ดำเนินการโครงการแต่อย่างใด ข้อสรุปของที่ประชุม ศบศ.คือได้มีมติให้กระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบศ.ในครั้งต่อไปภายในสองสัปดาห์ซึ่งจะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
นายอนุชากล่าวว่า “มาตรการช่วยค่าใช้จ่ายประชาชนที่มีสิทธิจำนวน 15 ล้านคน ในวงเงินคนละ 3,000 บาทนั้นเป็นเพียงข้อเสนอในหลักการเบื้องต้นที่กระทรวงการคลังนำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุม ศบศ.เมื่อวันพุธที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบศ.ได้มีมติให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของประชาชนที่จะลงทะเบียนได้รับสิทธิ รวมถึงร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยขอให้ครอบคลุมผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากที่สุด และเมื่อกระทรวงการคลังได้ข้อสรุป และนำเสนอเพื่อขอมติจาก ศบศ.ในรายละเอียดแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การนำเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการต่อไป จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชนด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั่วไป
เงินช่วยเหลือดังกล่าวนี้ รัฐบาลตั้งใจที่จะให้ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าทั่วไป ร้านหาบเร่แผงลอย ร้านโชวห่วยต่างๆ รวมถึงการซื้อสินค้าในตลาดสดและตลาดนัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด และเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างเต็มที่”