“วิชา” เตรียมส่งรายงานผลสอบกรณีสั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ” ให้นายกฯ จันทร์นี้ พร้อมเติมข้อมูล “นพ.แท้จริง” ยืนยันเมาแล้วขับ เผยรายงานชี้ชัดทำเป็นขบวนการ เป็นมหากาพย์เหมือนดูละคร อ่านแล้วต้องอุทาน “ขนาดนี้เลยเหรอ” จะเปิดเผยหรือไม่แล้วแต่นายกฯ
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน (คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต) เปิดเผยภายหลังการประชุม เกี่ยวกับรายงานที่จะเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ได้จัดทำเป็น 2 ส่วน คือ สรุปรายงานรอบ 10 วัน รอบที่ 3 และรายงานฉบับรวม ซึ่งมีข้อเสนอรวมอยู่ด้วย ซึ่งจะรายละเอียดว่าสอบสวนใครบ้าง มีเอกสารในสำนวนประกอบอย่างไรบ้าง
นายวิชา กล่าวอีกว่า ทั้งหมดเป็นผลจากการตรวจสอบที่ทำมาตลอด 30 วัน มีทั้งส่วนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวมถึงส่วนสำคัญ คือ จะชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นข้อผิดพลาด อะไรเป็นการทำงานที่ไม่ถูกต้อง อะไรเป็นข้อปรับปรุงแก้ไข ซึ่งส่วนหนึ่งตำรวจดำเนินการไปแล้ว คือ การแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 และจะเสนอเพิ่มเติมในส่วนที่ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ที่มาให้ถ้อยคำยืนยันว่าถึงเมาขนาดนั้นก็ยังขับรถได้ ซึ่งจะเป็นประเด็นที่จะส่งต่อให้ตำรวจ เพื่อพิจารณาว่าจะนำข้อหานี้เข้าไปอยู่พยานหลักฐานใหม่หรือไม่ เพราะตรงนี้เราจะไปบังคับไม่ได้ แต่คณะกรรมการมีมติสนับสนุนความเห็นมูลนิธิเมาไม่ขับ และ นพ.แท้จริง ส่วนตำรวจจะไปสอบพยานผู้เชี่ยวชาญต่อไปหรือไม่ก็เป็นเรื่องของตำรวจ
นายวิชา กล่าวว่า นพ.แท้จริง ได้ให้ความเห็นไว้ดีมาก หากยังยอมให้ตำรวจทำสำนวนเมาหลังขับมาแบบนี้ ก็จะถูกนำไปเป็นตัวอย่าง โดยบอกว่าก่อนขับรถนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ในรถ พอถูกจับก็บอกว่าเพิ่งดื่มมาเพราะเครียด ซึ่งตำรวจก็ต้องให้พ้นความผิดไปเพราะเคยให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา พ้นความผิดไปแล้ว ก็กลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ควรเอาอย่าง ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล
นายวิชา กล่าวถึงรายงานที่จะส่งนายกฯ ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ว่า จะเขียนถึงกระบวนการว่าตรงไหนบกพร่องอย่างไร และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ไม่ระบุว่าจะต้องเอาผิดใคร จะเป็นเพียงข้อเสนอ และให้หน่วยงานไหนตรวจสอบต่อ ตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก ซึ่งในรายงานทั้งหมดจะเกี่ยวข้องทั้งตำรวจและอัยการทั้งกระบวนการ และเพื่อจะเชื่อมโยงไปดูรายละเอียดอีก 30 วันข้างหน้าในเรื่องของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น จึงต้องนำเสนอข้อมูลให้นายกฯ และเป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชนว่าสมควรแก่การปฏิรูปแล้ว และสมควรว่าองค์กรตำรวจและอัยการต้องให้เขาเห็นชอบโดยดุษฎียภาพ ไม่สามารถมาโต้แย้งได้ว่าจะมายุ่งเกี่ยวอะไรกับองค์กร ดังนั้นคณะกรรมการเราจึงต้องเสนอด้วยความชัดเจน และได้พูดมาตลอดว่าคณะกรรมการไม่ใช่องค์กรผู้ชี้ขาด หรือชี้มูล เพียงแต่จะนำเสนอเพื่อให้นายกฯ พิจารณา
นายวิชา กล่าวอีกว่า ในรายงานจะมีรายละเอียดทุกจุด เมื่ออ่านดูแล้ว ถึงกับต้องออกปากว่าขนาดนี้เลยเหรอ และจะฉายภาพรวมเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าในกระบวนการที่ทำนั้นทำคนเดียวไม่ได้ แต่เป็นการทำในลักษณะที่จะใช้วิธีการทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ในรายงานไม่ชี้ชัดว่าไปถึงไหน แต่เอาเป็นว่ามีผู้เข้าร่วมในกระบวนการนี้ทุกภาคส่วน เป็นมหากาพย์ เหมือนดูละคร จะมีรายละเอียดทั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนจะเปิดเผยหรือไม่แล้วแต่นายกฯ