อดีตโฆษก ปชป.สังเวชใจ FB อ้างสิทธิฯ เล่นงานรัฐบาล ปมบล็อกกลุ่มหมิ่นสถาบันฯ ทั้งที่ตัวเองละเมิดสิทธิผู้ใช้ทุกวัน ชี้พฤติกรรมเข้าข่ายหนุนกระทำผิด ลั่นทำธุรกิจในไทยต้องเคารพ กม. อย่าปล่อยให้ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลมั่วสุมทำผิด กม. โจมตีศูนย์รวมใจไทย
วันนี้ (27 ส.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบน Facebook Chao Meekhuad เรื่อง “Facebook ควรจะฟ้องเรา หรือเราควรจะฟ้อง Facebook” ว่า “ผมอ่านข่าว Facebook ออกแถลงการณ์โจมตีรัฐบาลไทยที่ขอให้จำกัดการเข้าถึง หรือบล็อก เพจรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส แล้วรู้สึกสังเวชใจ Facebook ใช้คำว่า “หลังจากที่ Facebook ได้พิจารณาอย่างระมัดระวังและถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจที่จะจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ทางรัฐบาลไทยระบุว่า เป็นเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องจากรัฐบาลเช่นครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่รุนแรงและขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก การดำเนินงานของ Facebook มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน และขณะนี้เรากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อโต้แย้งในข้อกฎหมายต่อข้อเรียกร้องครั้งนี้ การแทรกแซงที่เกินขอบเขตของรัฐบาล เช่นในกรณีนี้ยังถือเป็นการบั่นทอนความสามารถของ Facebook ในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง...”
ประเด็นหลักจากถ้อยแถลงที่ทำให้ผมรู้สึกสังเวชใจ คือ Facebook อ้างเรื่องคำขอของรัฐบาลที่ให้จำกัดการเข้าถึงเพจรอยัลลิสต์มาเก็ตเพลสว่า เป็นข้อเรียกร้องที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่หลักการง่ายๆ ที่ Facebook ควรเข้าใจ คือ เสรีภาพทางการสื่อสาร แม้จะไร้ขอบเขตแต่ต้องไม่ละเมิดต่อกฎหมาย การโจมตีใส่ร้ายสถาบันหลักซึ่งเป็นที่รักเทิดทูนของคนไทยด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ นอกจากละเมิดต่อกฎหมายแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ไม่บังควร ย่ำยีหัวใจคนไทยทั้งชาติ ที่สำคัญการที่ Facebook ปล่อยให้มีกลุ่มคนมั่วสุมทำผิดกฎหมายผ่านแพลตฟอร์มของตัวเองโดยไม่ทำอะไรเลย จึงน่าจะเข้าข่ายผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย
นายเชาว์กล่าวว่า ถ้อยแถลงของ Facebook จึงเป็นการตอกย้ำว่า Facebook ไร้ความรับผิดชอบต่อการดำเนินธุรกิจในไทย ที่ต้องเคารพกฎหมายไทยด้วย และเมื่อมีการร้องขอจากรัฐบาลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย กลับโยกโย้อ้างเรื่องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยเคารพและละเมิดเสียเองบ่อยครั้ง ดังจะเห็นได้จากกรณีที่ Facebook ถูกฟ้องหลายคดีเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ Facebook เช่น กรณีที่ถูกเปิดโปงว่าล้วงข้อมูลผู้ใช้ Facebook ให้กับบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่มีเป้าหมายทางการเมือง ซึ่งในขณะนั้นทำให้หุ้นดิ่งเหว มูลค่าทางการตลาดของ Facebook ลดลงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกรณีที่พบบ่อยและเชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาเดียวกับผม คือเมื่อเราเสิร์ชคำบางคำในกูเกิล ปรากฏว่ามีโฆษณาเรื่องที่เรากำลังสนใจขึ้นบนหน้าฟีดของ Facebook ทันที หรือบางครั้งเพียงแค่พูดคุยกันในบางเรื่อง สินค้าในบทสนทนาก็ปรากฏให้เห็นแบบปัจจุบันทันด่วน จนเกิดข้อสังสัยว่ามีการดักฟังผู้ใช้ Facebook หรือไม่
“มันจึงเป็นเรื่องน่าสังเวชใจ ที่ Facebook มาถามหาเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่ตัวเองละเมิดผู้ใช้ Facebook อยู่ทุกวัน ที่สำคัญคำร้องขอของรัฐบาลไทยอยู่บนพื้นฐานหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษชน จึงยังไม่แน่ใจว่า Facebook ควรจะฟ้องเรา หรือเราควรจะฟ้อง Facebook กันแน่ ผู้บริหาร Facebook จึงต้องพึงสังวรไว้ตลอดเวลาว่า ถ้าจะทำธุรกิจในไทยต้องเคารพกฎหมายไทย ให้เกียรติ และรับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนไทย รวมถึงสถาบันที่เป็นศูนย์รวมใจของไทยทั้งชาติด้วย” นายเชาว์ระบุ