xs
xsm
sm
md
lg

ปลดแอก ส.ว.! “ปิยบุตร” หวังสูง “มวลชน” กดดัน “วัฒนา” ลากไส้ “ก้าวไกล” “จอม” ยกบทสนทนาขยี้ซ้ำ “ฝ่ายค้าน”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จากแฟ้ม
ยกเลิก “ส.ว.” “ปิยบุตร” เรียกร้องรัฐสภาเปิดประตูรับ หลังม็อบกดดันจนยอม เชื่อ “มวลชน” คือตัวช่วยให้สำเร็จ “วัฒนา” ลากไส้ “ก้าวไกล” เปลี่ยนรายวันตามกระแส ขัดมติ 7 พรรคเอง “จอม” ให้บทสนทนามันเล่าเรื่องสุดเจ็บ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ “[ ส.ส. ต้องช่วยเปิดประตูรัฐสภาให้การแก้รัฐธรรมนูญยกเลิก ส.ว. 250 คนเข้าสู่การพิจารณา ]”

โดยระบุว่า “ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญกลับมาได้ เพราะการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในรอบเดือนที่ผ่านมา ทุกคนต่างทราบดีว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ ส.ว. และ ส.ว. จะยอมหรือไม่ อยู่ที่แรงกดดันที่ส่งสัญญาณไปถึง “เจ้าของ ส.ว.”

สถานการณ์ปัจจุบัน การชุมนุมได้รับการสนับสนุน มีความชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ กระแสจุดติดจนถึงขนาดที่ว่า เดิม ส.ว.ซึ่งไม่มีทางยอมแก้เรื่องที่ตนเองเสียประโยชน์ แต่ตอนนี้มี ส.ว. บางคนออกมาบอกว่ายอมให้แก้เรื่อง ส.ว. อย่างน้อยก็ยอมให้เลิก มาตรา 272 อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี

วุฒิสภา 250 คน คือ จุดด่างดำที่สุดของรัฐธรรมนูญ 60 ไม่มีทางที่ฝ่ายสนับสนุนจะหาเหตุผลมาอธิบายการมีอยู่ของ ส.ว. 250 คนได้อีก ส.ว.หลายคนปฏิกิริยาไว ยังจับทางได้ว่า หากปล่อยกระแสถล่ม ส.ว. ต่อไป พวกเขาอาจอยู่ไม่ได้ บางท่านออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ยอมให้เลิกมาตรา 272 ไปก่อน เพื่อให้พวกเขาอยู่ครบ 5 ปี

การยกเลิกมาตรา 269-272 เรื่อง ส.ว. 250 คน หรืออย่างน้อยยกเลิกมาตรา 272 กลายเป็นเรื่องที่แสวงหาฉันทามติร่วมกันได้ง่ายมาก
นี่จึงเป็นโอกาสทองที่จะรุกคืบมากขึ้น

เราสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มี ส.ส.ร. มาทำรัฐธรรมนูญใหม่ ไปพร้อมๆ กับ การยกเลิก ส.ว. 250 คน (หรือยกเลิกมาตรา 272 อย่างเดียว) ไปพร้อมกันได้

หากกังวลว่า หา ส.ว. 84 คนไม่ได้ หรือ ซีกรัฐบาลไม่ยอม ส.ส.ไม่ต้องกังวลใจไป นักเรียน นิสิต นักศึกษา พี่น้องประชาชนที่อยู่นอกสภาพร้อมรวมพลังกดดันต่อไป

เราต่างรู้ดีแต่แรกไม่ใช่หรือว่า การแก้รัฐธรรมนูญ 60 จะเกิดขึ้นได้ต้องใช้ฉันทามตินอกสภาเข้ากดดัน

การแก้รัฐธรรมนูญ 60 ไม่ว่าแก้อะไร เรื่องไหน วิธีใด ก็ต้องมี ส.ว. 84 คน

ต้องเลิกคิดว่า “แก้รัฐธรรมนูญเรื่องนั้น เรื่องนี้ ส.ว. จะยอมหรือ” แต่ต้องคิดว่า “แก้รัฐธรรมนูญเรื่องใดๆ ที่ระบอบ คสช. และ ส.ว. เสียประโยชน์ ส.ว. ก็ไม่ยอมทั้งนั้น” ดังนั้น “การแก้รัฐธรรมนูญที่ ส.ว. จะยอมได้ ต้องมีพลังกดดันไปที่ ส.ว. และเจ้าของ ส.ว. ให้ยอม”

เวลานี้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ได้รวมพลังกันจน ส.ว. และเจ้าของ ส.ว. ต้องถอย จนมีโอกาสแก้รัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ว.

แล้วเหตุใด ส.ส. จึงไม่ช่วยกันเข้าชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญยกเลิก ส.ว. 250 คน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ยกเลิกมาตรา 272 ก่อนก็ได้

ทำไมถึงไม่ใช้ห้วงจังหวะเวลานี้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

หาก ส.ส. ไม่ช่วยกัน ประชาชนก็ต้องออกแรงกันเองอีกด้วยการเข้าชื่อ 50,000 คน ซึ่งใช้เวลา ทรัพยากร มีระเบียบขั้นตอนมากมาย ต่อให้ชื่อครบ สภาก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบรายชื่ออีกและอาจไม่ทันสมัยประชุมนี้

ผมอยากเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็น “ผู้แทน” ของราษฎร ช่วยนำกุญแจมาเปิดประตูรัฐสภา นำข้อเรียกร้องการยกเลิก ส.ว. 250 คนเข้าไปพิจารณา

หากมันจะไม่ได้รับความเห็นชอบ อย่างน้อยประชาชนก็จะได้เห็นว่า ใครที่ขัดขวาง อย่างน้อยเราจะได้เห็น ส.ว. ที่เป็นจุดด่างดำของรัฐธรรมนูญนี้ ได้แสดงออกต่อหน้าประชาชนว่าพวกเขาไม่ต้องการเสียสละให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้

หากมันจะไม่ผ่าน ก็ให้มันไม่ผ่านด้วยน้ำมือของ ส.ว. มิใช่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเริ่มต้น เพราะ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ร่วมกันเปิดประตูรัฐสภา

ขอแรง ส.ส. ด้วยครับ มาร่วมมือกัน “ปลดแอก” ที่ชื่อว่า “ส.ว. 250 คน” ด้วยกัน
อย่าให้ ส.ว. 250 คน ขี่คอพวกท่านอีกเลย
อย่าให้ ส.ว. 250 คน ขี่คอประชาชนอีกเลย
#ส.ว.มีไว้ทำไม #แก้รัฐธรรมนูญ #รัฐธรรมนูญใหม่”

ภาพ นายวัฒนา เมืองสุข จากแฟ้ม
วันนี้เช่นกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ ระบุว่า “ถ้าจะปิดสวิตช์ ส.ว. ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญซึ่งต้องมี ส.ส. พรรครัฐบาลเกินครึ่ง และมี ส.ว. อย่างน้อย 84 คนเห็นด้วย ถ้าคิดว่า ทำได้ก็ลองเอาญัตติไปให้ฝ่ายรัฐบาลลงนามสนับสนุน ถ้าทำไม่ได้ก็คือการปั่นกระแสหลอกต้มประชาชน”

ซึ่งโพสต์ของ นายวัฒนา ถูกบรรดาผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนายวัฒนา บางคนถึงกลับอ้างว่า “ได้ยินว่าเพื่อไทยดีลรอร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว จริงไหมครับ เพราะที่ผ่านๆมา เห็นทางพรรคออกไปทางสนับสนุนรัฐบาลตลอดเลย” (จากไทยโพสต์)

ไม่เพียงเท่านั้น เฟซบุ๊ก Watana Muangsook ของ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังโพสต์ข้อความด้วยว่า

“คงไม่ต้องย้ำว่า ผมและพรรคเพื่อไทยคัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาตั้งแต่แรก ผมเป็นคนเขียนญัตติขอตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้มีการแก้ไข ส่วนอาจารย์โภคิน(พลกุล)เป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแบบ สสร. โดยจะไม่แตะหมวด 1 และ 2 (หมวดกษัตริย์) เพื่อลดแรงต้านจากฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. ที่จะต้องยกมือให้กับการแก้ไข

ผมและอาจารย์โภคินนำเอาญัตติและร่าง รธน. แก้ไขแบบ ส.ส.ร. ไปเสนอที่ประชุม 7 พรรคฝ่ายค้านซึ่งทุกพรรคเห็นชอบด้วยเป็นเอกฉันท์ จึงได้มีการลงชื่อเสนอญัตติและผลักดันจนฝ่ายรัฐบาลยอม จึงได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ โดยพรรคอนาคตใหม่ได้ส่งอาจารย์ปิยบุตร (แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ขณะนั้น) คุณรังสิมันต์ และ คุณชัยธวัช เลขาธิการพรรคคนปัจจุบันมาเป็น กมธ.

พวกเราฝ่ายค้านได้ร่วมกันผลักดันจนในที่สุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ประชุม กมธ. เห็นชอบร่วมกันว่าควรมีการแก้ไขมาตรา 256 และตั้ง ส.ส.ร. ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ได้ขอให้พวกเราไปแถลงข่าวเรื่องนี้เพื่อเป็นทางออกให้ประชาชนที่เรียกร้อง 3 ข้อ คือ แก้ รธน. โดยประชาชน ยุบสภา และหยุดข่มขู่คุกคาม พวกเราทุกพรรคจึงได้มีการแถลงข่าวที่สภาโดยตัวแทนก้าวไกลที่อยู่บนเวทีคือคุณรังสิมันต์และคุณชัยธวัช

จากนั้น พรรคเพื่อไทยได้ยื่นร่างขอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และตั้ง ส.ส.ร. ตามมติของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านและมติของ กมธ. ซึ่งเดิมมี ส.ส. ของก้าวไกลลงชื่อด้วยแต่วันรุ่งขึ้นได้ขอถอนชื่อออกอ้างว่า เป็นมติพรรค แต่พวกผมก็ไม่ได้ไปให้ข่าวตำหนิเพราะถือเป็นสิทธิของพรรคก้าวไกล ส่วนพรรคฝ่ายรัฐบาลก็แถลงว่า จะยื่นร่างขอแก้ไขแบบ ส.ส.ร. ให้ทันภายในสมัยประชุมนี้ ซึ่งหากฝ่ายรัฐบาลเอาด้วยการแก้ไขก็น่าจะสำเร็จ

พรรคเพื่อไทยมีสิทธิจะรักษาคำพูดและยืนหยัดกับหลักการที่ตกลงไว้ที่เห็นว่าประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ส่วนพรรคอื่นก็มีสิทธิจะเปลี่ยนความคิดรายวันได้ตามกระแส ซึ่งผมและเพื่อไทยไม่เคยไปต่อว่าหรือตำหนิ แต่พรรคอื่นก็ไม่มีสิทธิมาตำหนิหรือต่อว่าพรรคเพื่อไทยเช่นกัน หากจะเรียกตัวเองว่า เป็นประชาธิปไตยต้องเคารพสิทธิและความคิดผู้อื่นให้เป็นก่อน ไม่ใช่สร้างภาพหลอกต้มกองเชียร์ไปวันๆ ทุเรศว่ะ”

ด้าน เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของ นายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความสั้นๆ ว่า

“ไม่พูดมากเจ็บคอ.. ใช้บทสนทนานี้พูดแทนแล้วกัน (ดูภาพประกอบ)”....

ภาพ จากเฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของ นายจอม เพชรประดับ
แน่นอน, ประเด็นก็คือ ความไม่เป็นตัวของตัวเองของพรรคก้าวไกล เป็นไปอย่างเห็นได้ชัด และถ้าสังเกตให้ดี ดูเหมือน “ปิยบุตร” จะมีอิทธิพลทางความคิดต่อพรรคนี้อย่างสูงด้วย โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60

และเห็นได้ชัดว่า แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ของ “ปิยบุตร” เป้าหมายสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่เปิดช่องให้ ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชน ได้พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเป็นอิสระ อย่างที่ทุกพรรคการเมืองเห็นด้วยอยู่ในเวลานี้เท่านั้น

หากแต่สิ่งที่ “ปิยบุตร” ชี้นำมาตลอด ก็คือ การแก้ไขยกเลิก ส.ว.ชุดนี้ การแก้ไขเพื่อยกเลิกการรับรองการกระทำของ “คสช.” ว่าทำถูกกฎหมาย และการแก้ไข หมวด 1 และหมวด 2 (พระมหากษัตริย์) ซึ่งท่าทีของ “ปิยบุตร” ต้องการอย่างเร่งรีบ เหมือนกับมีอะไรในใจอยู่แล้ว?

ยิ่งกว่านั้น แม้ว่า ม็อบประชาชนปลดแอก เวทีล่าสุด จะไม่หยิบเอา กรณี 10 ข้อเสนอของม็อบธรรมศาสตร์และการชุมนุมมากดดันแล้ว จนทำให้กระแสตอบรับม็อบประชาชนปลดแอก เป็นไปด้วยดี แต่ทว่า “ปิยบุตร” และพรรคก้าวไกล ต่างหากที่พยายามชี้นำเป้าหมายที่เลยธง หรือ ชี้นำมวลชนอย่างที่เป็นอยู่ แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นแกนนำมวลชนก็ตาม ทั้งยังทำเหมือนว่า ตัวเอง มีอิทธิพลมากพอที่จะกำหนดมวลชนได้ กรณีจะใช้เป็นตัวกดดัน ส.ว.และเจ้าของ ส.ว. เพื่อยกเลิก ส.ว. อย่างที่ระบุเอาไว้

เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ชัดเจนตามมา ก็คือ ความไม่เป็นเอกภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ของฝ่ายค้าน และตราบใดที่ยังต้องการแก้ไขตาม “ธง” ของ “ปิยบุตร” ทั้งหมด ก็เชื่อได้เลยว่า ฝ่ายค้านทั้งหมดไม่กล้าเสี่ยงแน่ เพราะอะไร ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น