“มงคลกิตติ์” อ้างโพสต์ขู่ทำร้าย“สิระ” ไม่ได้ระบุนามสกุล ลบเพราะนิ้วก้อยไปโดน เผยย้อนวัยอารมณ์เด็กช่าง เทียบเหตุภูเก็ตใครถ่อยกว่า พร้อมฟ้องกลับ จี้“ประวิตร” คุมลูกพรรค ยังห้าวบอกถึงขอโทษก็ต้องถามแฟนคลับ
วันนี้ (21 ส.ค.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ ยืนยันว่า ที่ตนโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว แค่คำว่า ‘สิระ’ แต่ไม่ได้ระบุนามสกุล และการโพสต์นั้นก็ไม่ได้มุ่งหวังจะเอาชีวิต ที่นายสิระไปแจ้งความตน 2 ข้อหานั้น ตนก็ได้ศึกษากฎหมายเพราะเคยโดนดำเนินคดีมาเยอะ จึงเข้าใจความผิดว่าจะมีความผิดมากน้อยแค่ไหน แต่ที่โพสต์ไปเมื่อวานแค่บันดาลโทสะ โทษก็ลดลง 2 ใน 3 อยู่แล้ว ขนาดยิงคนตายยังได้ลดโทษติดคุกแค่ 2 ปี ใครโดนแบบตนก็ต้องรู้สึกเหมือนกัน คุมอารมณ์ไม่อยู่ ยอมรับว่าเมื่อวานโกรธมากหลังนายสิระแถลงข่าวที่มีถ้อยคำดูถูกตัวเอง เพื่อน ส.ส.ที่นั่งอยู่ก็เห็นหมด และขอให้ตนเอาผิดกับนายสิระ แต่พฤติกรรมของนายสิระเกินไป
นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ปกติตนเองจะเป็นคนที่ไม่ถือสาพวกเดียวกัน แต่ตนเป็นหัวหน้ากลุ่มพรรคเล็ก ทำแบบนี้เหมือนหยามศักดิ์ศรีและดูถูกทุกคนในพรรคเล็กไปด้วย ทุกคนจึงขอร้องให้โทร.หานายสิระตั้งแต่เมื่อวาน ถ้านายสิระรับสายเคลียร์กัน ขอโทษหน้าที่แถลงข่าว ทุกอย่างก็จบ แต่นายสิระไม่ได้รับสาย ตนกับนายสิระเรียนสถาบันพระปกเกล้าด้วยกัน จะทำอะไรต้องให้เกียรติกัน เรื่องที่ตนแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตนพูดในฐานะแกนนำพรรคเล็กที่ร่วมรัฐบาล เป็นห่วงบ้านเมืองกับเหตุการณ์ที่จะเกิดข้างหน้า และประโยคที่ตนโกรธเลือดขึ้นหน้าคือ “ตักน้ำใส่กะโหลก-บริจาคเงินจนหมดให้มาขอนายสิระได้-กล้วยหมด” ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องการแสดงความเห็นทางการเมือง
“ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่แสดงความเห็นอะไรมาก สิ่งที่พูดไปคือความหวังดีกับรัฐบาลและประเทศ ส่วนที่นายสิระถามว่าเงินหมดหรือยัง ผมอยากฝากไปบอกว่ามีน้อยก็ใช้น้อย มีมากก็ใช้มาก แต่ปกติผมก็ไม่ได้ใช้อะไรมากอยู่แล้ว ส่วนที่นายสิระบอกว่าไม่ใช่บันดาลโทสะ แต่เป็นที่สันดานนั้น ปกติกมลสันดานในตัวเองเป็นคนดีก็ได้เป็นคนเลวก็ได้ เป็นโจรก็ได้ เป็นใครก็ได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ เพราะแต่ละคนมีอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ช่วงที่โพสต์เฟซบุ๊กอาจย้อนไปช่วงอายุ 17-18”
เมื่อถามว่าทำไมถึงลบโพสต์ที่ขู่นายสิระออก นายมงคลกิตติ์ชี้แจงว่า ตนไม่ได้ลบ แต่เมื่อวานมีผู้สื่อข่าวโทร.หาเยอะ แล้วลิงก์โพสต์นั้นของตนมันขึ้นมา แล้วบังเอิญว่านิ้วก้อยไปกดโดนลบ เล็บนิ้วก้อยมันยาว ตนไม่รู้ ลบไปแล้วก็เสียดายอยู่ เพราะกดไลก์เยอะ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทำไมไม่โพสต์ใหม่ นายมงคลกิตติ์ตอบว่าก็มีคนแคปไว้หมดแล้วจะโพสต์อีกทำไม ส่วนที่ตนเองโพสต์เรื่องบัญชีทรัพย์สิน นายมงคลกิตติ์ยืนยันว่าไม่ได้สื่อถึงใคร ใครมีก็ไปชี้แจงเพิ่ม
ส่วนที่ถามว่าคิดเห็นอย่างไรที่นายสิระกล่าวหาว่าตนเป็น ส.ส.พฤติกรรมถ่อย นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ให้ย้อนดูว่าระหว่างเหตุการณ์ที่ภูเก็ตกับของตนใครถ่อยกว่ากัน เมื่อวานที่ทำไปไม่ใช่อารมณ์ ส.ส. แต่เป็นอารมณ์เด็กช่าง ส่วนที่นายสิระ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ตนก็ไม่ขัดข้อง พร้อมย้อนถามว่าถ้านายชวนโดนแบบที่ตนเองโดนจะยิ้มออกหรือ
ส่วนหลังจากนี้จะมองหน้ากันติดหรือไม่ หรือจะมีคนกลางมาไกล่เกลี่ย เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ฝากไปบอก พล.อ.ประวิตรว่า “ให้คุมลูกพรรคหน่อย อย่าให้ไปเที่ยวไล่กัดชาวบ้านแบบนี้” พร้อมย้ำว่าไม่เคลียร์ ถ้าจะเคลียร์ก็ต้องมาขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชน แล้วตนจะต้องไปถามแฟนคลับของตนก่อน เพราะมีแฟนคลับทั่วประเทศ ทั้งนักเรียน นักศึกษา เด็กอาชีวะ พวกสิบล้อ วินมอเตอร์ไซค์ ตุ๊กตุ๊ก ทุกคนเป็นแฟนคลับมงคลกิตติ์และฝากบวกมาเยอะ กลุ่มนี้เป็นฐานเสียงพรรคไทยศรีวิไลย์ ตนจึงถือว่าเป็นตุ๊กตาของประชาชน ประชาชนต้องการให้ทำยังไงก็ต้องทำตาม และถ้ามีค่าปรับก็คงต้องแชร์กัน ไม่กลัวจะมีใครมาดักท้าต่อยท้าตี ยืนยันว่ารอยร้าวนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคร่วม แยกออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว พร้อมฝากบอกนายสิระว่า “ผมไม่ได้เป็นเริ่มก่อน พี่เป็นคนเริ่มก่อน เพราะฉะนั้นพี่ก็รู้ว่าใครถูกใครผิด ในภาษาวัยรุ่นหรือนักเลงใครเริ่มก่อน” ผู้สื่อข่าวถามทิ้งท้ายว่านักเลงกับเจ้าของค่ายมวยมาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น นายมงคลกิตติ์ตอบว่าก็ลองกันหน่อย
ทั้งนี้ หลังเข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาแล้ว นายมงคลกิตติ์เผยว่าตนได้มอบหมายให้ทนายความของพรรคไปฟ้องดำเนินคดีต่อนายสิระในข้อหาหมิ่นประมาท ในวันจันทร์ที่ 24 ส.ค.นี้
