“มงคลกิตติ์” พลิกจี้ “ประยุทธ์” ลาออก รักษาบ้านเมือง หากคุมสถานการณ์ไม่ได้ใน 1 เดือน เชื่อทั้งนักศึกษา-คนตกงาน ร่วมต้านแน่
วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ใช้วิจารณญาณตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ได้ภายใน 1 เดือน เพราะเชื่อว่าวันที่ 19 ก.ย.ที่จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ จะไม่ได้มีเพียงนักเรียน นักศึกษา เท่านั้น แต่ทั้งคนตกงาน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจจะออกมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และกังวลว่าจะมาล้อมสภาในวันลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย พล.อ.ประยุทธ์ควรตัดสินใจลาออก และให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ตามบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมือง ซึ่งยังคงมีคนที่เหมาะสมหลายคน และ พล.อ.ประยุทธ์ ควรใช้วิจารณญาณตัดสินใจไม่รับตำแหน่งอีก
“ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ท่านต้องใช้วิจารณญาณที่จะปฏิเสธไม่กลับมาเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าท่านคิดว่ายังเอาอยู่ สถานการณ์ต้องดีขึ้นภายใน 1 เดือนนับจากวันนี้ ก่อนถึงวันที่ 19 ก.ย.เราจะรู้เองว่านักเรียน นักศึกษามีความเข้าใจมากขึ้นและม็อบไม่มาล้อมสภา ซึ่งขึ้นอยู่กับว่านายกฯ มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาแต่ละด้านได้มากน้อยแค่ไหน หาก 1 เดือนทำไม่ได้ ท่านต้องพิจารณา ดังนั้นขอให้ทำใจว่างๆ อย่ายึดติด” นายมงคลกิตติ์กล่าว
เมื่อถามว่า การเสนอเช่นนี้ไม่กังวลว่าจะกระทบความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะตนเตือนในฐานะที่เป็น ส.ส.คนหนึ่งและเป็นกัลยาณมิตรที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เคยฟังใคร แล้วตนในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงนอกระบบ ไม่อยากเห็นผู้นำรัฐบาลใช้อคติในการแก้ปัญหา เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจริง และต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ จะโหวตหนุน พล.อ.ประยุทธ์อีกครั้งหรือไม่ ว่าต้องดูสถานการณ์ก่อน
วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ใช้วิจารณญาณตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ได้ภายใน 1 เดือน เพราะเชื่อว่าวันที่ 19 ก.ย.ที่จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ จะไม่ได้มีเพียงนักเรียน นักศึกษา เท่านั้น แต่ทั้งคนตกงาน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจจะออกมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และกังวลว่าจะมาล้อมสภาในวันลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย พล.อ.ประยุทธ์ควรตัดสินใจลาออก และให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ตามบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมือง ซึ่งยังคงมีคนที่เหมาะสมหลายคน และ พล.อ.ประยุทธ์ ควรใช้วิจารณญาณตัดสินใจไม่รับตำแหน่งอีก
“ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ท่านต้องใช้วิจารณญาณที่จะปฏิเสธไม่กลับมาเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าท่านคิดว่ายังเอาอยู่ สถานการณ์ต้องดีขึ้นภายใน 1 เดือนนับจากวันนี้ ก่อนถึงวันที่ 19 ก.ย.เราจะรู้เองว่านักเรียน นักศึกษามีความเข้าใจมากขึ้นและม็อบไม่มาล้อมสภา ซึ่งขึ้นอยู่กับว่านายกฯ มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาแต่ละด้านได้มากน้อยแค่ไหน หาก 1 เดือนทำไม่ได้ ท่านต้องพิจารณา ดังนั้นขอให้ทำใจว่างๆ อย่ายึดติด” นายมงคลกิตติ์กล่าว
เมื่อถามว่า การเสนอเช่นนี้ไม่กังวลว่าจะกระทบความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะตนเตือนในฐานะที่เป็น ส.ส.คนหนึ่งและเป็นกัลยาณมิตรที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เคยฟังใคร แล้วตนในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงนอกระบบ ไม่อยากเห็นผู้นำรัฐบาลใช้อคติในการแก้ปัญหา เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจริง และต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ จะโหวตหนุน พล.อ.ประยุทธ์อีกครั้งหรือไม่ ว่าต้องดูสถานการณ์ก่อน