“รมว.มหาดไทย” เรียก ข้าราชการระดับสูง-ผู้ว่าฯ-ปลัดจังหวัด-พัฒนาชุมชน ทั่วประเทศ แจงนโยบายแผนใช้เงินกู้สู้โควิด-19 กว่า 4.7 พันล้าน ดันโครงการ “โคก หนอง นาโมเดล” หวังช่วยจ้างงาน เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับถิ่น เป็นต้นแบบพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่
วันนี้ (10 ส.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เรียก ผู้บริหารระดับสูง ทั้งระดับ รมช.มหาดไทย ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการ อธิบดี รองอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และพัฒนาการจังหวัด ทั่วประเทศ เข้ารับนโยบายและประชุมเชิงปฏิบัติการ “เวิร์กชอป” สร้างความเข้าใจ ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กทม.
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โครงการ “โคก หนอง นาโมเดล” นอกจากร่วมประชุมแล้วจะมีการเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 เขตดุสิต
สำหรับ โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานรับงบประมาณ แต่โครงการนี้จะอยู่ในกำกับของ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย”
ตามแผนงาน 3.2 มูลค่า 4,787,916,000 บาท เป็นหนึ่งในแผนฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของโควิด-19 กรอบวงเงิน 400,000 ล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563
ตามแผนงานที่ 1 แผนงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก โดยมีโครงการเพื่อพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ชุมชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น และชุมชนผ่านการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร แรงงาน บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่น กว่า 8,000 คน
ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและประชาชน 337 ตำบล 25,179 ครัวเรือน เพิ่มการจ้างงานเกษตรกร 6,490 ราย เพิ่มพื้นที่ปลูกป่าไม่น้อยกว่า 25,759 ไร่
เดิมโครงการนี้ กรมการพัฒนาชุมชน เสนอของใช้เงินกู้ จำนวน 7,183.34 ล้านบาท แต่ถูก คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ตัดออกไป 2,395.42 ล้านบาท
นอกจากโครงการข้างต้น กระทรวงมหาดไทย ยังได้งบ “เงินกู้” ในโครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ กรมการปกครอง วงเงินไม่เกิน 2,701.87 ล้านบาท และโครงการอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น วงเงินไม่เกิน 1,080.59 ล้านบาท
