ข่าวปนคน คนปนข่าว
**โป๊ะแตกซ้ำ! ชุมนุมคนหน้าเหมือนบรรดา VIP ทีมวิ่งผลัดช่วยพลิกคดีบอส ในงานบวช ส.ว. เครือข่ายผู้มีอิทธิพลตอบหน่อย ช่างบังเอิญเกินไปมั้ย ?
ว่าด้วยพิรุธของ “คดีบอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครือธุรกิจแสนล้านกระทิงแดง มาถึงวันนี้ก็ยังมีมาให้ชาวโซเชียลฯ ได้ “จับโป๊ะ” อยู่เรื่อยๆ และหนึ่งในนั้นเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า ใช้คำว่า “ช่างบังเอิญ” ก็คงไม่พอ
เรื่องนี้จะจับโป๊ะกันก็ต้องย้อนกลับไปดูภาพของแขก VIP ที่มาร่วมงานบวชของคนใหญ่คนโตของเชียงใหม่อย่าง “ส.ว.ก๊อง” หรือ ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร เจ้าของสโมสรฟุตบอลของเชียงใหม่ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเครือเครื่องดื่มกระทิงแดง พ่อของบอส เฉลิม อยู่วิทยา เป็นสปอนเซอร์ แถมด้วยฐานะเป็นนายจ้างของ “จารุชาติ มาดทอง” พยานปากเอกที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
ว่ากันว่า จากภาพประกอบงานที่โซเชียลฯ เอามาลงว่อนเน็ต และช่วยกันจับผืดภาพ ตั้งข้อสงสัยถึงสายสัมพันธ์ที่โยงใยกันของคนต่างๆ นอกจากจะมี จารุชาติ เดินถือขันร่วมขบวน บรรดาแขกเหรื่อที่มายังปรากฏว่า มีบางภาพพบคนที่มีใบหน้าเหมือน “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุด ร่วมงานบวชครั้งนี้ด้วย
ล่าสุด ยังมีชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่า คนที่เดินข้างๆ คนที่หน้าตาดูคล้ายอัยการสูงสุด มีคนหน้าตล้ายอดีตตำรวจใหญ่ ที่ใกล้ชิดเป็นเครือข่ายของอดีตบิ๊กตำรวจเครือข่ายผู้มีอิทธิพล และมีฐานะเคยเป็นหนึ่งใน กมธ.กฎหมายและยุติธรรม ของ สนช. ชุดที่รับเรื่องร้องเรียนร้องขอความเป็นธรรมจากทนายของบอส ใช่หรือไม่ ?
พลันที่ภาพเผยแพร่กันออกมา ไม่รู้จะใช่หรือไม่ใช่ แต่ถ้าลองดูภาพแล้วก็อดคิดกันไม่ได้ว่า ทำไมทุกอย่างมันช่างบังเอิญขนาดนั้น..
คนช่างสงสัยเต็มไปหมดในโลกโซเชียลฯ ตั้งคำถามกันว่า งานนี้งานบวช “ส.ว.ก๊อง” มีทีมวิ่งผลัด 4 คูณ 100 หรือทีมให้การช่วยเหลือทายาทกระทิงแดง พลิกคดีอยู่ในงานเดียวกันแบบพร้อมพรักเลยทีเดียวขนาดนี้เชียวหรือ
ไล่ไปตั่งแต่ตัวละครของกรรมาธิการฯ ชุด สนช. อย่างอดีตนายตำรวจใหญ่ อัยการ พยานปากเอก ที่ว่ากันว่าเป็น “พยานกลับชาติมาเกิด” ที่บรรจุมาใหม่ตอนหลัง ซึ่งพอหลังจาก “จารุชาติ มาดทอง” เสียชีวีตไป ก็ยังทิ้งปมต่างๆ ให้สงสัยได้อีก โดยเฉพาะมาพีกเอาตอนที่มือถือพยานคนนี้ถูก “พศิน อัคเดชธนโชติ” หรือ ล้าน ลูกน้องคนสนิทของ “ส.ว.ก๊อง” ฉกไป
ต่อมา “ล้าน” ยอมรับว่า เป็นคนทำลายโทรศัพท์ของ “จารุชาติ” หลังจากเสียชีวิตอ้างว่า มีรูปถ่ายด้วยกันจำนวนมาก เกรงว่าจะได้รับความเสียหาย เพราะเตรียมจะลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ
ฟังว่า ล่าสุด ตำรวจภาค 5 เตรียมขยายผลสืบหาความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่าง “จารุชาติ-ล้าน” และกลุ่มของ “ส.ว.ก๊อง” ว่า จะขยายวง ขยายคนไปแค่ไหน
กลับมาที่ ภาพต่างๆ ในงานบวชของ “ส.ว.ก๊อง” ก็อยากจะบอกว่า ไหนๆ จะสอบเชิงลึกกันก็อยากจะฝาก ตำรวจ หรือ ผู้มีหน้าที่ตามหาความจริง “คดีบอส” ช่วยตรวจสอบไปด้วยเลยว่า แขกที่มาร่วมงานมีใครบ้าง เผลอๆ ไล่เรียงสอบประวัติเช็กคอนเนกชันท่านทั้งหลายที่มางาน ก็อาจจะมีรายการ “โป๊ะแตก” ให้เห็นอีก
เครือข่ายผู้มีอิทธิพลคนเบื้องหลังทั้งหลายตอบที มันบังเอิญเกินไปมั้ย ?
เอาเป็นว่างานนี้ได้เห็นเค้าลางกันว่า ตัวละครผู้อยู่เบื้องหลังคดีบอสทั้งหลาย ได้มาชุมนุมกันอย่างถูกที่ถูกเวลาจริงๆ เพราะ ตามงานบวช คือ วันที่ 21 มิ.ย.63 จัดภายหลังจากที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ไปก่อนนั่นแบบเงียบเชียบ จนสื่อนอกตีข่าวแล้วก็ฉาวไปทั่วโลก จนสังคมไทยรับกันไม่ได้ ช่วยกันจุดช่วยกันคุ้ยมาตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และ ผลการตรวจสอบและความเห็นของฝ่ายต่างๆ กำลังมีความเป็นไปได้ว่า อัยการที่สั่งคดีไม่ฟ้องดำเนินการอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
งานนี้ไม่ใครก็ใครเชื่อได้ว่าคงได้หนาวกันเป็นแถบ ก็ขอให้โปรดติดตามกันต่อไปอย่ากะพริบตา
**“บวรศักดิ์” เจอเองกระบวนการลากถ่วงคดีบอส ทีมเรดบูล แยกหลายสายร้องขอความเป็นธรรมกว่า 10 ครั้ง ทั้งๆ ที่สั่งยุติเรื่องไปแล้ว
ถึงวันนี้รายการตามล่าหาความจริง ทำปัญหาคาใจให้สังคมคลายสิ้นข้อสงสัย กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” วรยุทธ อยู่วืทยา ทายาทผู้บริหารธุรกิจเครือข่ายกระทิงแดงยังเดินหน้าต่อ
ไฮไลต์เมื่อว่าส่องไปที่ชุดทำงาน ซึ่งมี “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากได้เชิญอัยการมาชี้แจง ทั้ง “ประยุทธ เพชรคุณ” อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา “สมใจ โตศุกลวรรณ์” รองอธิบดีอาญากรุงเทพใต้ ขณะที่สำนวนมาถึง “น.ส.นิภาพร รุจนรงค์” รองอัยการสูงสุดสมัย “ร.ต.ต.พงษ์วิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร” อดีตอัยการสูงสุด
ความน่าสนใจอยู่ที่เรื่องราว “การร้องขอความเป็นธรรม” ของฝ่ายกฎหมายบอส ที่ใช้เป็นเครื่องมือถ่วงคดี โดยเท่าที่คณะกรรมการ ได้ข้อมูลมา พบว่า จากที่เคยรับรู้กันว่า บอสร้องขอความเป็นธรรม 7 ครั้ง แต่ข้อเท็จจริงมีการร้องขอความเป็นธรรมกว่า 10 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้คดีเกิดความล่าช้า
ทั้งนี้ การร้องขอความเป็นธรรมทั้ง 10 ครั้ง มาจากหลายฝ่าย แต่ส่วนใหญ่มาจากผู้ต้องหา และ มีคำสั่งให้ยุติเรื่องทั้งหมด แต่ก็มีการร้องขอมาเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมรวมถึงขุดกรรมาธิการกฎหมายและยุติธรรม ของสนช. ส่งถึงอัยการสูงสุดที่เชื่อกันว่า เป็นจุดพลิกของคดี จนนำไปสู่คำสั่ง “ไม่ฟ้อง” ของอัยการ
ว่ากันว่า กลุ่มอัยการที่เกี่ยวข้องในคดีที่มาชี้แจงเมื่อวันวาน ต่างเป็นคนเสนอความเห็นว่า ให้ยุติการขอความเป็นธรรม ยุติเรื่อง
งานนี้เห็นว่า คณะกรรมการกำลังขอไทม์ไลน์ทั้งหมดในเรื่องของการร้องขอความเป็นธรรม ทั้ง 10 ครั้ง ว่ามีการร้องขอความเป็นธรรมที่ไหน อย่างไรบ้าง
คราวนี้จะได้รู้กันละ ใครหน้าไหนมีส่วนช่วยเหลือกระบวนการนี้บ้าง
