องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่ ตชด. และทหาร พื้นที่จังหวัดเชียงราย ย้ำแม้สถานการณ์สงบ แต่ยังต้องเฝ้าระวังด้านความปลอดภัย ตรวจเข้มในช่วงระบาดโควิด-19
นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะที่ปรึกษา ได้เชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบให้แก่ ผู้แทนตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 ตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย จำนวน 20 ถุง และมอบให้แก่ผู้แทนมณฑลทหารที่ 37 จำนวน 20 ถุง ด้วยทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการปกป้องทุกข์สุขของประชาชนและประเทศชาติให้มีความสงบมั่นคงตลอดมา
การนี้องคมนตรีได้กล่าวกับกำลังพลตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 และ มณฑลทหารที่ 37 ที่เข้ารับมอบสิ่งของพระราชทานว่า แม้ว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนในช่วงนี้จะอยู่ในสภาพที่มีความสงบเรียบร้อย กองกำลังต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้านไม่มีการกระทบกระทั่งกัน แต่ก็ยังอยู่ในสภาพของภารกิจที่ต้องเฝ้าระวังบริเวณชายแดน ในการรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน รวมไปถึงพี่น้องประชาชนเพื่อนบ้านที่จะเดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายตามจุดผ่อนปรนต่างๆ ที่ทางราชการอนุญาตแล้ว และภารกิจที่สำคัญที่ได้มอบหมายก็คือการป้องกันปราบปรามการผลิตยาเสพติดตามบริเวณแนวชายแดน แล้วส่งเข้าสู่ประเทศของเรา ซึ่งเป็นข้อห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรัฐบาลตลอดจนผู้บังคับบัญชาทุกฝ่ายด้วย
“ที่ผ่านมา ก็มีการปฏิบัติการที่สำคัญในพื้นที่เมื่อปี 2505 เป็นยุทธการที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ที่จะต้องทำการผลักดันกองกำลังติดอาวุธ ที่ยึดถือดินแดนของเราเป็นที่ปฏิบัติการในเรื่องทางการเมือง และการค้ายาเสพติด ซึ่งช่วงนั้นพวกเราทั้งตำรวจและทหารเกิดความสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บลงไปมากพอสมควร และก็คุ้มค่าที่ทำให้เราได้สถาปณาความมั่นคงบูรณภาพแห่งดินแดนอธิปไตยของประเทศในที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้ วีรกรรมของท่านเหล่านั้นก็เป็นที่จดจำในหมู่พวกเรา แต่ประชาชนคนรุ่นใหม่ก็อาจจะไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จักและไม่ได้จดจำว่าดินแดนของบ้านเรานั้นอยู่ยืนยงปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้เพราะใครที่ได้เสียสละชีวิตเลือดเนื้อให้บ้านเมือง”
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ขณะนี้มีเรื่องของโรคระบาดที่ถึงแม้จะสามารถควบคุมการติดต่อของคนไทยภายในประเทศได้ติดต่อกันมาร่วม 2 เดือนแล้วก็ตาม แต่หากพี่น้องเพื่อนบ้าน ซึ่งประสงค์จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย แต่ยังไม่มีการเปิดพรมแดนอนุญาตให้เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ก็อาจจะมีการลักลอบกันเข้ามาได้ อย่างเร็วๆ นี้ ก็เห็นปรากฏเป็นข่าวมีการจับกุมผู้ที่รับจ้างพี่น้องประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย หลายคนแม้จะเคยเข้ามาทำงานแล้วกลับออกไปและจะกลับเข้ามาอีก ซึ่งถ้าหากเขามีเชื้อโรคมาด้วยก็จะทำให้ประเทศไทยเสียหายได้ก็จะทำให้ความพยายามของภาครัฐ ประชาชน ทั้งฝ่ายแพทย์ ฝ่ายพยาบาลที่ได้ทำกันมา 4-5 เดือนที่ผ่านมาก็อาจจะเสียหาย ดังตัวอย่างที่เราเห็นและทราบจากสื่อ ที่จังหวัดระยองแม้กระทั่งในเขตกรุงเทพฯ คนเพียงคน 2 คน ก็ทำให้เกิดความโกลาหล และความระส่ำระสายได้ เกิดผลกระทบกระเทือนต่อธุรกิจ ซึ่งทำท่าจะฟื้นขึ้นมาก็ทรุดหนักลงไปอีก ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ทุกคนต้องคำนึงถึง และยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการดูแลและเฝ้าติดตาม โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดนที่รับผิดชอบ
