ศบค.เผยคนไทยใช้แพลตฟอร์มไทยชนะมาแล้ว 61 วัน เริ่มลบข้อมูลของวันที่ 17 พ.ค. 63 อย่างถาวรเป็นครั้งแรก พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจ ข้อมูลทุกอย่างนำไปใช้เฉพาะในระบบไทยชนะ
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 แถลงถึงภาพรวมของการใช้งานแพลตฟอร์มไทยชนะที่เริ่มมีการใช้งานตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 63 รวมแล้ว 61 วัน มีมาตรการผ่อนคลายออกมา เพื่อให้ประชาชนทำกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ จำนวนผู้ใช้งานสะสม 37,078,364 ราย จำนวนกิจการ ร้านค้า ลงทะเบียนสะสม 274,887 ร้าน ส่วนผู้ที่เข้าใช้งานผ่านกล้องมือถือ ในการเช็กอิน เช็กเอาต์ อยู่ที่ร้อยละ 52 และผู้ที่ใช้งานผ่านไทยชนะ ร้อยละ 79.9 มีประชาชนดาวน์โหลดและใช้แอปพลิเคชัน 767,341 ราย จำนวนยอดรวมผู้เช็กอิน 2,702,404 ราย จำนวนยอดรวมผู้ช็กเอาต์ 1,917,239 ราย จำนวนผู้เช็กอิน 1,779,316 ราย จำนวนผู้ช็กเอาต์ 1,336,204 ราย จำนวนผู้ตอบแบบประเมิน 976,970 ราย จำนวนผู้ใช้งานประจำวันที่เข้าใช้ระบบ 2,029,988 ราย
โดยเมื่อวานนี้ (17 กรกฎาคม 63) ได้มีการลบข้อมูลเป็นครั้งแรกของวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นการลบอย่างถาวรหลังจากเก็บข้อมูล 60 วัน รวมถึงข้อมูลผู้ประเมินร้านค้าก็ถูกลบทิ้ง ไม่ได้นำข้อมูลนี้มาใช้ ซึ่งวันนี้จะลบข้อมูลของวันที่ 18 พฤษภาคม 63 โดยเมื่อผ่านไป 60 วัน จะทยอยลบข้อมูลไปเรื่อย ๆ พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ไม่ได้มีการนำข้อมูลของประชาชนไปทำอย่างอื่น นอกจากการไปใช้ในระบบไทยชนะอย่างเดียว ส่วนที่มีข้อกล่าวอ้างว่ามีการนำไปใช้อย่างอื่น ส่ง SMS ขอให้ประชาชนสบายใจได้ วันนี้ได้มีการลบข้อมูลหมดแล้ว นอกจากนี้ แนวโน้มกิจการ กิจกรรมในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีผู้ใช้งานจำนวนมาก และตลอดระยะเวลาการใช้งานไม่พบว่าเกิดระบบล่ม
“ผลลัพธ์ของแพลตฟอร์มไทยชนะ กรณีอียิปต์ ระยะเวลาการดำเนินการและแจ้งเตือน จังหวัดระยองได้มีการติดตามผู้ที่เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าแหลมทอง ห้างเซ็นทรัลระยองจากแอปพลิเคชันไทยชนะ โดยมีระบบคัดแยกหมายเลขโทรศัพท์จากไทยชนะ 394 หมายเลข และได้มีการส่ง SMS แจ้ง และสามารถติดต่อได้ 344 ราย ซึ่งมีหลายเคสเข้ามาตรวจที่กรุงเทพฯ ผลตรวจทั้งหมดเป็นลบ จากสถานการณ์ดังกล่าว ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก หากมีความกังวลสามารถเข้ามารับการตรวจ พร้อมทั้งขอให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข สวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขด้วย” นพ.พลวรรธน์กล่าว