xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” พอใจยึดทรัพย์ยาเสพติด แนะพัฒนาเครือข่ายซับซ้อนขึ้น “สมศักดิ์” ตั้งเป้าเพิ่ม 10 เท่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มอบนโยบายยึดทรัพย์ยาเสพติด พอใจผลงานที่ผ่านมา เชื่อในศักยภาพ แนะตั้งเป้า-เข้าใจปัญหาอย่างถ่องแท้ จี้ จนท.พัฒนาตัวเอง หลังเครือข่ายมีความซับซ้อนมากขึ้น “สมศักดิ์” ตั้งเป้ายึดให้ได้เพิ่ม 10 เท่า

วันนี้ (17 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมฮอไรซัน วิลเลจ แอนด์ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบาย “ทําอย่างไรจึงจะยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดได้ 6,000 ล้านบาท ในปี 2564” โดยมีนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ นายดุลยพิชัย มหาวีระ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ท.เศรษฐพล เกตุเต็ม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.บส.ชน.) นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.บุญยืน อินกว่าง รองแม่ทัพน้อยภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เข้าร่วมประชุม

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากทำเนียบรัฐบาล เข้าที่ประชุมเพื่อมอบนโยบาย การขยายผลยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด อธิบดีอัยการภาค 1-9 อธิบดีกรมสรรพากร และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตนมีความยินดีที่ได้มีโอกาสมาเป็นประธานในการมอบนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดในวันนี้ ที่ผ่านมาการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นการจับกุมผู้ค้ารายย่อย ซึ่งมีการขยายผลไปสู่การจับกุมยึดทรัพย์สินนายทุน และเครือข่ายยาเสพติดยังน้อยอยู่ ส่งผลให้ยังคงมีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดปรากฏอยู่ เพราะแหล่งเงินสนับสนุนไม่ได้ถูกทำลายอย่างถอนรากถอนโคน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ติดตามการดำเนินงานด้านการปราบปรามยึดทรัพย์และตัดวงจรการค้ายาเสพติด รวมทั้งการฟอกเงินซึ่งผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ ด้วยการทำงานอย่างเสียสละ และทุ่มเทของทุกๆ ฝ่าย ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด และคณะทำงานพิเศษอีก 2 คณะ ที่เน้นการขับเคลื่อนตามนโยบายอย่างบูรณาการกัน ทั้งแผนงาน งบประมาณ และบุคลากร ตนเชื่อว่าเรามีศักยภาพมากพอที่จะสามารถยกระดับความสำเร็จในการทำงาน ให้สมกับที่ประชาชนได้ฝากความหวังไว้กับพวกเราทุกคน โดยทุกหน่วยงานจะต้องตั้งเป้าหมาย กำหนดตัวชี้วัด เพื่อเป็นหลักใช้ในการทำงานอยู่เสมอ นอกจากนี้ ในระดับปฏิบัติก็จะต้องมีความเข้าใจปัญหายาเสพติดในบริบทของพื้นที่ที่รับผิดชอบของตนเองอย่างถ่องแท้ ให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รวมถึงวิเคราะห์เครือข่ายยาเสพติดอย่างรู้เท่าทัน เนื่องจากเครือข่ายยาเสพติดมีพัฒนาการรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัย ทันยุคดิจิทัล เช่น การซื้อขายออนไลน์ การโอนเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน หรือการฟอกเงินในรูปแบบที่เราอาจไม่รู้จักมาก่อน ซึ่งในปีหน้าและปีต่อๆ ไปก็อาจจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐจึงจำเป็นต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวต่อว่า วันนี้ตนขอมอบหลักการสำคัญ 3 ประการ เพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ในภารกิจครั้งนี้ คือ 1. หลักกฎหมาย โดยขอให้กระทรวงยุติธรรม ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดปรับปรุงมาตรการทางกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น 2. หลักการบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด ได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร อัยการ สรรพากร และหน่วยงานด้านการปราบปราม ในการดำเนินการตามนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด โดยสำหรับจังหวัดที่อยู่บริเวณชายแดน ก็ขอให้มีการประสานงานกับธนาคารในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโอนเงิน และเกิดการซื้อขายยาเสพติดข้ามประเทศเพื่อนบ้านด้วย ส่วนหลักการที่ 3 คือ หลักการทำงานเชิงรุกและคิดเชิงระบบ โดยให้แต่ละจังหวัดมีการตั้งเป้าการยึดทรัพย์สิน รวมถึงมีแผนงานรองรับ รวมทั้งมีการจัดทำแผนผังความเชื่อมโยงของเครือข่าย และเส้นทางการเงินของนักค้ายาเสพติด เพื่อนำไปสู่การใช้มาตรการด้านการฟอกเงินและมาตรการทางภาษี นอกจากนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ และต้องรู้เท่าทันเครือข่ายยาเสพติด

“กระทรวงยุติธรรมต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงโอกาส เมื่อประชาชนมีความสุข เชื่อมั่นในกฎหมายของเรา เราก็จะมีความสุขไปด้วย กฎหมายที่มีอยู่ตนคิดว่าเพียงพอ แต่ต้องทำให้ทันสมัยและเป็นสากล ผมมีหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ อะไรที่มอบหมายไปแล้วหากทำสำเร็จผมก็ดีใจและมีความสุข ขอให้ทุกท่านตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน เพราะประชาชนตั้งความหวังจากพวกเราอยู่ วันนี้เราต้องทำลายเครือข่ายยาเสพติดให้ได้ และสุดท้ายผมขอบอกว่า ชีวิตที่ผ่านพบ มีลบย่อมมีเพิ่ม ขอเพียงให้เหมือนเดิม กำลังใจ” นายกฯ กล่าว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับนายสมศักดิ์ว่า วันนี้เราต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน เอาชนะปัญหายาเสพติดให้ได้ ขอให้ท่านปลอดภัย เพราะอันตรายมีทุกคน และขอให้ภูมิใจในเกียรติยศ เพราะเราตั้งให้ตัวเองไม่ได้ คนอื่นมอบให้เรา ดังนั้นเราต้องรักษาเกียรติยศไปจนวันตาย โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ขอให้ท่านสบายใจ ปีนี้จะยึดทรัพย์ยาเสพติดให้ได้ 2 เท่าจากที่ผ่านมา แต่ปีหน้าตนจะทำให้ได้ 10 เท่า เราจะทำอย่างเต็มที่ บูรณาทุกหน่วยงาน เชื่อว่าผลงานจะออกมาได้ตามเป้า จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ถามว่าทำได้แน่นะ และนายสมศักดิ์ก็ตอบว่าได้ครับ และนายกรัฐมนตรีก็หัวเราะชอบใจก่อนจบการให้นโยบาย

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวมอบนโยบายว่า การดำเนินการของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกระทรวงยุติธรรม ในช่วงแรกตนมีความรู้สึกว่างานนี้น่าหนักใจมาก เพราะเราเห็นถึงบูรณาการของยาเสพติดที่มีการพัฒนา โดยเฉพาะยาบ้าที่มีจำนวนมากในบ้านเรา ซึ่งแม้เราจะปราบปรามมาก แต่หากปราบปรามอย่างเดียวเราจะเหนื่อยมาก เรื่องนี้นายกฯ ให้ความสนใจมากและได้กำชับลงมา ตอนนี้ยาเสพติดมีสารตั้งต้นเป็นสารเคมีทำให้ต้นทุนราคาถูกมาก ผิดกับสมัยก่อนที่มาจากพืช แต่สถิติของผู้ต้องหาคดีเสพและผู้เข้ารับการบำบัดลงลดในหลายปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นมาก ซึ่งการปราบปรามต้องทำแนวทางการใหม่เพื่อลดการสูญเสีย คือ การปราบปรามทางธุรกรรมทางการเงิน

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า มูลค่าของยาเสพติดในแต่ละปีมีมากถึง 1.8 ล้านล้านบาท แต่ปีหนึ่งๆ เรายึดมาได้เพียง 6-700 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อมีมูลค่าสูงขนาดนี้หากเราปล่อยไว้จะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เราต้องการให้ลูกหลานของเรามีความสุข เราเป็นคนไทยอยู่ใต้ร่มพระบารมี ต้องทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปจากประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาข้าราชการระดับผู้ใหญ่ต่างๆ ได้ให้ความสนใจและให้คำแนะนำต่างๆที่เป็นประโยชน์มาก ตัวเลขวันนี้เราสามารถยึดทรัพย์ได้ถึง 1 พันล้านบาทเแล้ว ซึ่งตนบอกว่าจะเอาให้ได้ 2 เท่าจากปีที่แล้วที่ทำได้ 6-700 ล้านบาทก็ประมาณ 1,400 ล้านบาท ขณะนี้ถือว่าใกล้แค่เอื้อม และแนวทางใหม่ของการยึดทรัพย์ ตนตั้งเป้าให้ได้มากกว่าเดิม 10 เท่า โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ 1. ดูจากเครือข่ายยาเสพติดที่เราไปจับมา หรือจังหวัดต่างๆ ผู้ว่าฯคงจะรู้แล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง 2. เครือข่ายที่ได้รับข้อมูลธุรกรรมที่น่าสงสัยจาก ปปง. นี่คือส่วนสำคัญที่เราจะไปถึง 10 เท่าได้ ซึ่งเราคงจะมีการเพิ่มเครื่องไม้เครื่องมืออีกเล็กน้อย และส่วนสุดท้าย คือ เครือข่ายที่หนีหมายจับ หรือคดียังไม่สิ้นสุด เราสามารถใช้เครื่องมือที่มีอยู่ไปตรวจสอบได้

นายสมศักดิ์ยังกล่าวว่า วิธีดำเนินการคือ 1. ตั้งทีมสอบสวนโดยใช้เครื่องมือพิเศษ เชื่อมโยงกับทุกๆ คดี 2. ตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วมาดูแล 3. การประเมินมูลยาเสพติดตามมูลค่าจริง และตามยึดทรัพย์ในส่วนของมูลค่าที่เหลือจากการจับกุม ส่วนเป้าหมายของการดำเนินการ คือ แจ้งข้อหากับผู้ร่วมขบวนการ ให้การช่วยเหลือให้ได้ทุกคดีจากเดิมที่แจ้งดำเนินคดีได้เพียง 10% และยังต้องแจ้งข้อหาการฟอกเงิน ข้อหาฟอกเงินหลีกเลี่ยงภาษี เลี่ยงภาษีตามประมวลรัชฎากร และแจ้งอาญัติทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้ไม่น้อยกว่า 10 เท่าของปีที่ผ่านมา หรือ 6-7 พันล้านบาท ตนเชื่อว่าหากเราดำเนินการตามแนวทางนี้เราทำได้แน่นอนและอาจจะถึงหมื่นล้าน ซึ่งเราก็ตั้งเป้าว่าแต่ละจังหวัดจะยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ประมาณจังหวัดละ 100 ล้านบาท ซึ่งบางจังหวัดอาจจะได้เกินเป้าไปเยอะก็ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องรางวัลนำจับ ซึ่งหากเราจับได้เยอะเงินรางวัลก็จะเยอะตามไปด้วย ถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีจูงใจให้ทุกคนช่วยกันแจ้งเบาะแส

“แต่ละคืนผมนอนไม่หลับ นอนคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรจะปราบยาเสพติดให้หมดไป ผมเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ทำผลงานสำเร็จมาหลายอย่าง การมาอยู่กระทรวงยุติธรรมตนก็ต้องทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ยอมเอาชื่อเสียงมาทิ้งไว้แน่ๆ และผมบอกย้ำตามที่ท่านนายกฯ บอก ชีวิตที่ผ่านพบ มีลบย่อมมีเพิ่ม ขอเพียงให้เหมือนเดิม กำลังใจ” นายสมศักดิ์กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น