พช.จัดใหญ่ OTOP To The Town กระตุ้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด-19 ขนผลิตภัณฑ์ชุมชนโชว์ในห้างใหญ่ทั่วกรุง 11 จุดทำเลทองให้แฟนพันธุ์แท้โอทอปช้อปอย่างจุใจ ช่วยผู้ประกอบการเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างรายได้สู่ชุมชนทั่วถึง คาดเงินสะพัดมากกว่า 150 ล้านบาท
วันนี้( 10 ก.ค)นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน OTOP To The Town “โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด”พร้อมกับเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในทุกระดับ ดังนั้นหลังจากรัฐบาลได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายโควิด-19 ระยะที่ 4 ในกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในประเทศนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้ให้เดินหน้าจัดกิจกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวและมีความเข้มแข็ง โดยจัดงาน "OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทย หลังฝ่าภัยโควิด" งานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดให้ผู้ประกอบการ OTOP พร้อมกับสร้างอาชีพเชื่อมโยงเครือข่ายและต่อยอดการค้า สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมทั้งเป็นอีกช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าการจัดงานครั้งนี้จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภายในงานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้า OTOP จากทั่วประเทศที่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 1,000 ราย ที่กรมการพัฒนาชุมชนได้คัดสรรสินค้า OTOP คุณภาพมาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้บริโภค การแสดงทางศิลปและวัฒนธรรม การแจกของที่ระลึกจากสินค้า OTOP และเนื่องจากการจัดงานเป็นการจัดในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมและความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง จึงได้จัดให้มีการนำสินค้า OTOP ที่มีการพัฒนาและยกระดับให้มีคุณภาพสูงมาร่วมจำหน่ายด้วย เช่น บ้านทองสมสมัย จังหวัดสุโขทัย ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ แบรนด์ขวัญตา จังหวัดหนองบัวลำภู ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ คุ้มสุโข จังหวัดขอนแก่น น้ำมันเหลืองโกลครอส จังหวัดตราด
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั่วโลกได้ประสบ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจการลงทุน การค้าขาย ย่ำแย่กันโดยทั่วหน้า แต่ประเทศไทยของเราโชคดีมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง และคนไทยมีวินัยช่วยกันปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลที่ได้กำหนดออกมา ทำให้เรารู้ว่าควรจะใช้ชีวิตกันอย่างไม่ประมาท สำหรับงาน OTOP To The Town ในครั้งนี้ ต้องขอบคุณภาคีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้ง 11 แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเซ็นทรัล ที่ได้ร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน สนองต่อนโยบายของรัฐบาล ในการที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ให้ประชาชนมีโอกาสมีชีวิตที่ดี ให้ผู้ประกอบการ OTOP ที่รวมกลุ่มกันในจังหวัดต่างๆ ได้ร่วมกันภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ งานในครั้งนี้ จึงเป็นการนำภูมิปัญญาไทยจากทั่วประเทศไทยเข้ามาสู่ใจกลางเมือง ด้วยช่องทางทางการตลาด เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้ฝ่าภัยโควิด-19 ไปด้วยกัน เงินที่ท่านจ่ายไปนั้นไม่ใช่แค่เป็นการซื้อของ แต่มีความสำคัญ มีผลยิ่งใหญ่เพราะว่าเงินจะหมุนกลับไปสู่ชุมชนหลายครอบครัว ซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจและการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน "อธิบดีพช.กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาลในหลายโครงการ เรื่องหนึ่งคือ การทำให้พี่น้องประชาชนมารวมกลุ่มช่วยกันผลิตสินค้า และสนับสนุนพัฒนาให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราทำงานในลักษณะประชารัฐ แต่ส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จในคือเรื่องการตลาด โดยก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เราประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค่า OTOP ที่เมืองทองธานี แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 เราก็ได้โอกาสปรับตัวคือ ช่วยทำให้สินค้าเข้ามาอยู่ในโลกดิจิทัล เปลี่ยนมาขายออนไลน์ในทุกจังหวัด และอีกส่วนหนึ่งก็ได้จับมือกับแพลตฟอร์มเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น OTOP TODAY รวมถึงร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และได้รับการตอบรับที่ดี
“อีกเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง คือคณะรัฐมนตรี ได้มีมติส่งเสริมให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนชาวไทยสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งประมาณ 20% จากผู้ประกอบการร้านค้า OTOP กว่า 8 หมื่นราย เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และเป็นสินค้าที่ยอดขายดีมาก ถือเป็นความภาคภูมิใจของกรมการพัฒนาชุมชน สินค้าในงาน OTOP To The Town ล้วนแต่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม และคุ้มค่า คุ้มราคา จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนแวะมาเยี่ยมชมและให้กำลังใจพี่น้อง OTOP ที่กระจายการขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ด้วยครับ” นายสุทธิพงษ์กล่าว
สำหรับ งาน "OTOP To The Town : โอทอป ภูมิปัญญาไทย ใจกลางเมือง ช่วยคนไทยหลังฝ่าภัยโควิด" กำหนดจัดขึ้นภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 11 ครั้ง ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2563 ได้แก่ (1) เซ็นทรัลเวิลด์ 10-15 ก.ค. 2563 (2) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ 13-17 ก.ค 2563 (3) ไอคอนสยาม 17-22 ก.ค. 2563 (4) เซ็นทรัล บางนา 23-29 ก.ค. 2563 (5) เซ็นทรัลพระราม9 17-23 ส.ค. 2563 (6) สยามสแควร์ 20-23 ส.ค. 2563 (7) เดอะมาร์เก็ต 8-13 ก.ย. 2563 (8) เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ 8-14 ก.ย. 2563 (9) เซ็นทรัลพระราม 3 10-16 ก.ย. 2563 (10) สยามพารากอน 10-16 ก.ย.2563 และ (11) เซ็นทรัลพระราม3 17-23 ก.ย.2563 จึงขอเชิญทุกท่านร่วมเลือกซื้อและอุดหนุนสินค้าโอทอปของไทย เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป