ส.ส.ก้าวไกล โวยกลางประชุมสภาฯ พปชร.กินโควตา กมธ.ป.ป.ช. ส่งคนมานั่งเพิ่ม ทำฝ่ายค้านตรวจสอบไม่ได้ แฉเหตุ “บิ๊กตู่” โดนร้องปมถวายสัตย์ฯ จึงกลับลำเมินข้อบังคับตามสัดส่วน ส.ส. “สุชาติ” สั่งเลื่อนวาระรอถกวิปร่วมหาข้อยุติ
วันนี้ (9 ก.ค.) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญในคณะกรรมาธิการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตประพฤติมติชอบ แทนนายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ได้ลาออกจากตำแหน่ง โดยซีกรัฐบาลได้เสนอนายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็น กมธ.แทน แต่ซีกฝ่ายค้านได้เสนอนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทำให้ต้องขอมติจากที่ประชุม
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมติชอบ ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 90 กมธ.สามัญ ตั้งจากผู้ที่เป็นสมาชิกจำนวนใกล้เคียงกับอัตราของสมาชิกแต่ละพรรคที่มีอยู่ในสภาฯ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ กมธ.ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาลโดยตรง ที่ผ่านมาใน กมธ.มีปัญหาเสมอเนื่องจากฝ่ายรัฐบาลส่งคนเข้ามาจนมีปัญหาถกเถียงทำให้การทำงานในเรื่องการตรวจสอบยากมาก โดยขณะนี้ กมธ.มี ส.ส.รัฐบาล 8 คน แต่ ส.ส.ฝ่ายค้านเหลือเพียง 6 คนเท่านั้น การเสนอสัดส่วนรัฐบาลเพื่มจะเป็น 9 ต่อ 6 คน ซึ่งเชื่อว่าขัดต่อข้อบังคับการประชุมที่ 90 เพราะไม่ได้สัดส่วนตามสภาฯ
“และในการติดต่อเบื้องต้นก็ได้มีการเจรจากันระหว่างวิป 2 ฝ่าย จนทำให้นายประเสริฐพงษ์ลาออกจาก กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคเพื่อมาเป็น กมธ.ป.ป.ช. แต่หลังจากไม่กี่วันมานี้กลับเปลี่ยนใจ โดยเสนอคนเข้ามาแข่งขัน จึงเชื่อว่า เป็นการเสนอโดยไม่ชอบ และไม่ชอบด้วยหลักการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร เพราะหากใน กมธ.ป.ป.ช.มีฝ่ายรัฐบาล 9 เสียง ฝ่ายค้าน 6 เสียง กมธ.จะตรวจสอบได้อย่างไร การเชิญผู้มาชี้แจงแต่ละครั้งก็จะไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งขัดหลักการถ่วงดุลอำนาจ จึงขอให้รัฐบาลถอนชื่อออกไป แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากที่จะไม่ยอมทั้งที่ไม่ถูกต้อง” นายธีรัจชัยกล่าว
ด้านนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันมานานแล้ว จนเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาตนได้ประสานงานกับวิปของพรรคก้าวไกล ซึ่งวิปก้าวไกลก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงนำมาสู่การแต่งตั้งในวันนี้ ส่วนในเรื่องสัดส่วน กมธ.ก็มีการบิดนิดหน่อย เนื่องจากมีสมาชิก ส.ส.อนาคตใหม่ 12 คน ถูกตัดสิทธิ ดังนั้น ถ้าจะให้สัดส่วนตรงเป๊ะก็คงเลือกตั้ง กมธ.กันใหม่ทั้งสภาฯ ขณะที่นายสุชาติในฐานะประธานการประชุมยืนยันว่าสัดส่วนของ กมธ.ถูกต้อง ไม่ได้ผิดข้อบังคับ ทำให้นายธีรัจชัยลุกขึ้นโต้ว่า หลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ สัดส่วนของ กมธ.ย่อมเปลี่ยนแปลง แต่สัดส่วน กมธ.ป.ป.ช.ฝ่ายค้านมี 8 คน ฝ่ายรัฐบาลมี 7 คน แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นฝ่ายรัฐบาล 8 คน ฝ่ายค้าน 6 คนเท่านั้น จึงขอเสนอให้คำนวณสัดส่วนใหม่ทั้งหมดทั้งโควตา และ กมธ.เพราะการใช้เสียงข้างมาก ไม่ใช้การแก้ปัญหา แต่การทำงานในสภา การตรวจสอบถ่วงดุลเป็นสิ่งสำคัญกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือ หลังจากตกลงให้พรรคก้าวไกลได้โควตา กมธ.ป.ป.ช. และนายประเสริฐพงษ์ ได้ลาออกจาก กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ แต่ต่อมาเปลี่ยนเพราะรัฐบาลกลัวการตรวจสอบ หลัง กมธ.ป.ป.ช.มีมติในการส่งเรื่องกรณีถวายสัตย์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อประธานสภาฯ รัฐบาล จึงมีการเปลี่ยนตัว
กระทั่งนายสุชาติตัดบทโดยให้ถอนวาระการแต่งตั้ง กมธ.ทั้ง 4 คณะตามระเบียบวาระออกไปก่อน โดยในฐานะประธานกรรมการประสานวิปร่วม จะขอนัดประชุมในวันอังคารที่ 14 ก.ค.นี้ เพื่อยืนยันสัดส่วน กมธ.ว่า สภาฯ ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ ทำให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นต่อว่า นายสุชาติ เพราะไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนวาระนี้ออกไป เพราะกำลังจะโหวตอยู่แล้ว และ กมธ.ป.ป.ช.คณะนี้ กลายเป็นที่ทำงานของพรรคฝ่ายค้านไปแล้วซึ่งทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะไม่ว่า กมธ.ชุดไหนก็ตรวจสอบรัฐบาลทั้งนั้นจึงไม่ควรบิดเบือน ทำให้นายสุชาติตัดบทเพื่อดำเนินการประชุมต่อไป