วิจารณ์ขรม “รัฐสภา” การ์ดตก ปล่อยหญิงสาวไข้เกิน 37.5 องศา เข้าพื้นที่ กว่า 3 ชั่วโมง ยังตามตัวไม่พบ ปูดระยะหลังมาตรการหละหลวม ตรวจไข้-ติดสติกเกอร์ แต่ไม่ให้สแกนหรือลงชื่อเข้าพื้นที่ ย้อน “เลขาฯสภา” ตื่นสอบ “ผีเก้าอี้หมุน” มากกว่าเน้นมาตรการโควิด-19
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณวันที่ 3 ว่า มีรายงานข่าวจากสำนักรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่า เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิบริเวณทางเข้าชั้น B2 ของอาคารรัฐสภา ได้ตรวจพบหญิงรายหนึ่งที่มีอุณหภูมิร่างกาย 37.6 องศาเซสเซียส เดินทางเข้ามาในพื้นที่อาคารรัฐสภา ซึ่งเกินกว่ามาตรการ 37.5 องศาเซลเซียส ที่ถือว่าเป็นอาการบ่งชี้ของผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่บริเวณนั้น กลับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ตามปกติ โดยไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนรักษาความปลอดภัยในช่วงโควิด-19 แต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากตรวจสอบบันทึกจากเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ พบว่า หญิงคนดังกล่าวเดินทางเข้ามาในอาคารรัฐสภา ตั้งแต่เวลา 10.03 น. แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร หรือมาติดต่อราชการส่วนใด เนื่องจากไม่ได้มีการสแกนผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ หรือแพลตฟอร์มรัฐสภาจริงใจ ก่อนเข้าพื้นที่
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จนถึงเวลา 13.00 น. หรือผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สภาก็ยังไม่สามารถตามตัวหญิงคนดังกล่าวได้แต่อย่างใด และไม่สามารถยืนยันได้ว่า ยังอยู่ภายในพื้นที่ หรือเดินทางออกจากอาคารไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่สังเกตว่า ในระยะหลังตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศผ่อนปรนระยะที่ 5 มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่อาคารรัฐสภา เริ่มมีความหละหลวม มีเพียงการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้ที่ผ่านเข้าออก และติดสติดเกอร์ยืนยัน รวมทั้งตักเตือนให้สวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าพื้นที่เท่านั้น แต่ไม่ได้บังคับให้สแกน QR Code แพลตฟอร์มไทยชนะ หรือแพลตฟอร์มรัฐสภาจริงใจ ปลอดภัยไร้โควิด หรือการลงชื่อ เพื่อบันทึกประวัติการเข้า-ออกพื้นที่ เหมือนในช่วงแรกแต่อย่างใด
ภายหลังเกิดกรณีพบผู้มีไข้สูงเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโรคโควิด-19 ผ่านระบบคัดกรองเข้ามาในพื้นที่รัฐสภา ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า สะท้อนถึงความบกพร่องของระบบรักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภา ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญระดับชาติ อีกทั้งยังมีสมาชิกรัฐสภา ผู้ติดตาม และผู้ที่มาติดต่อราชการ เดินทางเข้าออกเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญ เมื่อพบเหตุผิดปกติแล้วก็ไม่สามารถติดตามบุคคลมาดำเนินการตรวจสอบตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงประสิทธิภาพ และความเอาใจใส่ของทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแตกต่างจากกรณีข่าวฮือฮาจากคลิปเก้าอี้หมุนภายในห้องประชุมสภา ว่า อาจเกิดจากสิ่งลี้ลับ เมื่อไม่กี่วันก่อน ครั้งนั้น นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฏร ถึงขั้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน ถึงสาเหตุที่เก้าอี้หมุนในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร จนถูกมองว่านายสรศักดิ์ตื่นตระหนกเกินเหตุ และให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบหรือไม่ด้วย