ส.ส.พท.โวยแหลก นายกฯ ตั้ง “เสรี วงษ์มณฑา” นั่ง ปธ.ปฏิรูปสื่อฯ ไม่เห็นหัว ปชช. ไร้ความเป็นกลาง เรียกร้ององค์กรวิชาชีพสื่อแสดงจุดยืนหาคนเหมาะสม หวั่นขึ้นต้นเป็นลําไม้ไผ่เหลาไปเป็นบ้องกัญชา ด้านนักวิชาการจับตาปฏิรูปสื่อฯ ย้อนยุคหรือไม่
วันนี้ (1 ก.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และอดีตสื่อมวลชน กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน 15 คน โดยมีนายเสรี วงษ์มณฑา เป็นประธาน ว่าจะตั้งใครเป็นประธาน รัฐบาลควรจะมองเห็นหัวประชาชนบ้าง เพราะวันนี้ระบบกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว หากตั้งคนที่อาจจะไม่เป็นกลาง คนที่แสดงตัวตนชัดเจนจะทำงานเหนื่อย และผลจะกลับไปยังนายกรัฐมนตรี ดังนั้น วิธีคิดในการตั้งใครถ้าต้องการแก้ไขปัญหาประเทศอย่างจริงจัง ต้องยึดหลักความเป็นกลางเพื่อจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นแทนที่จะแก้ปัญหาจะกลายเป็นการสร้างปัญหาได้
“ไม่ได้สนใจว่าจะตั้งใครเป็นประธาน แต่คณะกรรมการปฏิรูปชุดนี้ต้องมีความชัดเจน ถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ได้ก็อย่าไปคิดแก้ปัญหายุทธศาสตร์ชาติ จะเป็นวิธีลิงแก้แห วัวพันหลัก ทั้งนี้ คนที่เป็นประธานมีเป็นกลางหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาเขาแสดงตนอย่างชัดเจนอย่างไรก็ทราบกันดี ดังนั้น หากรัฐบาลจะวางแนวทางเช่นนี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเลย ผมมองว่าสถาบันสื่อ องค์กรสื่อทั้งหลายไม่ควรที่จะปล่อยให้เกิดกระบวนการเช่นนี้ได้ ควรจะต้องมีการสังเคราะห์ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร เหมือนขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา หากสถาบันสื่อมองว่าต้องเป็นกลาง ควรจะเสนอ เช่น ประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย หรือนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย หรืออื่นๆ ที่เหมาะสม แต่หากรัฐบาลยึดหลักการเช่นนี้ การทำงานก็จะเหนื่อย” นายจิรายุกล่าว และว่านายกฯ ต้องตอบให้ได้ว่าคนทั้งประเทศไม่มีแล้วหรือ และสมาคมสื่อที่มีทั้งหมดไม่มีคุณภาพใช่หรือไม่ หรือไม่มีความเป็นกลาง ทั้งนี้หากคนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกของสมาคมสื่อ ตนคงไม่ว่าอะไร แต่หากเป็นปัจเจกบุคคลรัฐบาลต้องตอบสังคมให้ได้ ต้องตอบสมาคมสื่อให้ได้ เพราะนี่คือการปฏิรูปสื่อ
ด้านนายมานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ตนไม่อยากด่วนติเรือทั้งโกลน เพราะยังไม่มีการประชุม หรือการนำเสนออะไรต่างๆ ดังนั้น ต้องรอดูการประชุมว่าการปฏิรูปสื่อที่จะเดินไปข้างหน้า หรือจะกลายเป็นการปฏิรูปสื่อที่ย้อนไปสู่ยุคที่สื่อถูกปิดปากมากขึ้น
“เหมือนในหลายๆ ประเทศที่ฝ่ายการเมืองจะดึงทีมงานของตัวเองขึ้นมา มองว่าเป็นรื่องปกติ เพียงแต่ว่าผลของการทำงานจะออกมาในรูปแบบไหน คงต้องดูว่าการดึงทีมงานขึ้นมาและทำขัดกับกติกาหรือขัดต่อสายตาประชาชนก็คงจะต้องมีปัญหาต่อเนื่องตามมา ซึ่งรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาก็จะต้องรับผิดชอบไปด้วย” นายมานะกล่าว