โฆษกรัฐบาลแถลง ครม.เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมระดับ รมต.ยืนยันเจตนารมณ์ไทยร่วมสร้างความเข้มแข็งรองรับผลกระทบแรงงานจากโควิด นายกฯ ขอ ครม.เข้าใจหลายโครงการขยับขับเคลื่อนไปปี 64 ย้ำพิจารณา กม.การค้า-ลงทุนทันสมัย
วันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน สมัยพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ต่อแรงงานและการจ้างงาน ผ่านระบบประชุมทางไกล (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) และเห็นชอบการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมระดับรัฐมนตรี เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของโควิด-19 ต่อแรงงานและการจ้างงาน เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของไทยที่จะร่วมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบต่อแรงงานและการจ้างงานจากปัญหาโควิด-19 รวมถึงส่งเสริมให้ไตรภาคี (ภาครัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง) ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการลดผลกระทบ ในปัจจุบันอาเซียนมีแนวทางความร่วมมือด้านแรงงานที่ชัดเจนเพื่อลดผลกระทบต่อแรงงานและการจ้างงานในภูมิภาค โดยสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วมนี้จะสนับสนุนความเป็นอยู่และสุขภาพของแรงงานทุดคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานกลุ่มเสี่ยง จัดหาค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมให้แก่แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และสิทธิที่จะเข้าถึงการช่วยเหลือทางสังคม หรือสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานจากภาครัฐ อำนวยความสะดวกให้แรงงานที่ติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขที่จำเป็นด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เน้นย้ำข้อสั่งการเกี่ยวการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้สอดคล้องความต้องการในตลาดโลก และเพิ่มมูลค่าข้าวไทยจะได้ราคาดี เพื่อให้ผลประโยชน์ตกแก่เกษตรกรได้มากที่สุด และขอให้ ครม.เข้าใจถึงการบริหารงบประมาณว่ายังมีหลายโครงการที่จะต้องขอขยับไปขับเคลื่อนในปี 2564 เนื่องจากติดมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง ก็ขอให้เข้าใจนายกฯ ด้วย ทั้งนี้ นายกฯ ยังเน้นย้ำเรื่องคณะกรรมการด้านกฎหมาย ขอให้พิจารณากฎหมายด้านการค้าการลงทุนให้ทันสมัยต่อสภาพการ และการค้าการลงทุนในปัจจุบัน ที่สำคัญต้องมีการบูรณาการทำงานข้ามกระทรวงในเรื่องกฎหมายต่างๆ