โฆษกก้าวไกล ชี้ปรับหัวพลังประชารัฐส่อโยงเปลี่ยน รมว.คลัง คุมเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท เผยฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เอื้อหลายมุ้งการเมืองวิ่งปัดฝุ่นยัดไส้โครงการเติมท้ายสู้ภัยโควิด แนะจับตาตอบสนองท้องถิ่นหรือเอางบมาละลาย
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสการเปลี่ยนตัวหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐว่า ดูผิวเผิน นั้นอาจจะเป็นแค่เรื่องภายใน แต่ถ้าพิจารณาเทียบกับเหตุการณ์ คือ การปรับ ครม.ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมีบทบาทอย่างมากใน พ.ร.ก.3 ฉบับ ที่วงเงินรวมกันสูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท ในการกลั่นกรอง วินิจฉัย กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆในทางปฏิบัติ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การพิจารณาโครงการกรอบวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ที่จะเสนอเข้า ครม. ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า กรอบหลักเกณฑ์กว้างมากและเอื้อให้ฝ่ายต่างๆ จากหลายมุ้งการเมือง พยายามที่จะวิ่งเอาโครงการสัพเพเหระทั่วไปมาปัดฝุ่น ยัดไส้ เติมคำว่า สู้ภัยโควิดต่อท้ายที่ชื่อโครงการ แล้วเอามาของบประมาณเพื่อนำไปแบ่งกันปันหัวคิว ประกอบกับข่าวลือการฮั้วกันโดยมีการกันงบประมาณไว้ให้กับ ส.ส. คนละ 80 ล้านบาท จะฝากงบเอาไว้ที่งบจังหวัด แล้วให้ ส.ส. วิ่งเข้าไปชี้ เข้าไปล็อคสเป๊ค ว่าจะทำโครงการอะไร ให้ผู้รับเหมาคนไหนเป็นคนทำ ซึ่งสุดท้ายก็คงหนี้ไม่พ้นค่าหัวคิว และเงินทอนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา
"ด้วยเงื่อนเวลาที่พอเหมาะพอเจาะและปรากฏการณ์ชุลมุนวิ่งแย่งงบ 4 แสนล้านบาท จึงเป็นข้อสังเกตที่ประชาชนต่างจับจ้อง และสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิ่งเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และคณะผู้บริหาร ของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า และสิ่งที่ต้องร่วมกันติดตามก็คือ โครงการนี้มีอะไรบ้าง เป็นที่ตรงกับความต้องการของท้องถิ่นหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่โครงการละลายงบที่เอาคำว่าสู้ภัยโควิดมาต่อท้าย มีการกำหนดสเป๊คที่เกินจำเป็น เพื่อล็อคสเป๊คให้กับผู้รับเหมา หรือผู้ประกอบการรายใดหรือไม่ ราคาในการจัดซื้อจัดจ้าง และเงื่อนไขในการบริการหลังการขาย เมื่อเทียบกับราคาตลาด แล้วเป็นอย่างไร และผู้ที่ชนะการประมูล นั้นมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองคนใด