นายกฯ เบรกอย่าเพิ่งดีใจ แม้ตัวเลขผู้ป่วยลด ขออย่างเร่งผ่อนปรนไปสู่ระยะที่ 4 ต้องไปทีละขั้นตอน ยังไม่หารือเรื่องเปิดน่านฟ้า วอนประชาชนให้ความร่วมมือ ส่วนเรื่องทุจริตหัวคิวให้รอตรวจสอบ ย้ำไม่ละเว้น
วันนี้ (2 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพิจารณาวันหยุดช่วงสงกรานต์ประจำปี 2563 ว่าวันนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในมาตรการผ่านปรนระยะที่ 3 ตนได้กำชับฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข ท้องถิ่น ดูแลว่าทีผ่อนผันไปแล้วมีความร่วมมือกันแค่ไหนอย่างไร จึงจะมีแนวทางไปสู่ระยะที่ 4 ได้ในอนาคต ดังนั้น ระยะที่ 4 อย่าเร่งรัดกันนัก ต้องดูระยะที่ 3 ก่อนว่าจะไปได้แค่ไหนอย่างไร ฉะนั้น สิ่งสำคัญวันนี้คือเราต้องยอมรับขีดความสามารถด้านการสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งจะต้องช่วยกันดูแลอย่างเต็มที่ เสียสละเวลาไม่มีวันหยุดราชการ ผลัดกันทำงานทั้งกลางวันกลางคืน สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือจากภาคประชาชน นั่นคือความปลอดภัยของท่าน
ขณะเดียวกัน ได้มีการผ่อนผันเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องเศรษฐกิระดับฐานรากซึ่งต้องปกป้องตัวของท่านเองด้วย ไม่เช่นนั้นเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดมาอีกครั้งจะป็นสิ่งที่น่าเสียใจสำหรับทุกคน จึงขอเตือนคนที่ยังไม่ค่อยปฏิบัติตามระเบียบจะถือว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ท่านจะต้องรักคนอื่นด้วยนอกจากรักตัวเอง รักความสุนกสนาน ความสะดวกสบายของตัวเอง จะต้องรักคนอื่นบ้าง วันนี้ประเทศไทยจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งให้ได้จากสถานการณ์โควิด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของตัวเลขผู้ติดเชื้อตลอด 7 วันที่ผ่านมา พบว่ามีตัวเลขที่ลดลง หรือบางวันก็เป็น 0 ที่พบเฉพาะผู้เดินทางมาจากต่างประเทศโดยพบในสถานที่กักกันของรัฐ ตรงนี้ป็นสิ่งที่น่ายินดี แสดงว่ามาตรการต่างๆ ที่เราทำมาถือว่าได้ผล ไม่ไปแพร่ระบาดในพื้นที่เปิด เป็นผลจากการที่เราเอาคนเข้ามาดูแล มันอาจมีปัญหาบ้าง ไม่ได้รับความสะดวกสบาย แต่ตนเห็นว่ามันเป้นมาตรฐานที่จำเป็น และรัฐบาลจะต้องใช้จ่ายงบประมาณไปจำนวนหนึ่งในการดูแล
สำหรับความก้าวหน้าทางด้านวัคซีนป้องกันทราบว่ามีความก้าวหน้าตามลำดับ โดยมีการปรึกษาหารือกับต่างประเทศด้วยว่ามีความก้าวหน้าอย่างไรและมีแนวทางการปฏิบัติอย่างไร ในฐานะที่เราเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสามารถสูงในเรื่องนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยพัฒนายาและวัคซีน โดยความร่วมมือกับภาคเอกชนต่างๆ และความร่วมมือจากต่างประเทศ ตนคิดว่าเราน่าจะแก้ปัญหาร่วมกันของคนทั้งโลกได้ในบริบทโดยรวม ฉะนั้น อย่าเพิ่งไปยินดีกับความสำเร็จต่างๆ มากนัก เพราะทุกอย่างมีขั้นตอน แต่ละวันยังมีเช้า กลางวัน เย็น ไม่ใช่ไม่มีเช้าแล้วไปเย็นเลย ฉะนั้นขอให้เข้าใจตรงนี้้ อย่าให้เป็นประเด็นขึ้นใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังจะอนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศได้ รัฐบาลไทยคิดอย่างไร และรัฐบาลไทยจะมีอนุญาตให้คนญี่ปุ่นเข้ามาประเทศไทยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คิดอย่างไรก็ต้องดีใจ ยินดี แต่เราต้องดูมาตรการที่เหมาะสมก่อนว่าจะไปกันอย่างไร เราจะไปแพร่เขาหรือไม่ เขาจะติดจากเราหรือไม่ ทำนองนี้ ต้องหารือทั้งสองฝ่าย ตนบอกแล้วเมื่อไหร่ที่สถานการณ์ดีขึ้น การท่องเที่ยวก็จะเปิดขึ้นในลักษณะประเทศต่อประเทศ และต้องเป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ควบคุมได้ จะต้องมีมาตรการเป็นขั้นตอนไม่ใช่เปิดเสรี แล้วอลหม่านไปหมด แล้วก็จะกลับมาที่เดิม ก็จะไม่ดีทั้งต้นทางและปลายทาง เราต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน วันหน้าเราจะเปิดประเทศของเราในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีการฟื้นฟู มารักษา ในสถานพยาบาลของเราเช่นเดิมที่เคยมี ตอนนี้ขอให้สถานประกอบการต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมไว้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ในที่ประชุม ครม.ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการเปิดน่านฟ้า จะต้องหาข้อมูลจากหลายส่วนมาร่วมกันประเมินกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามถึงกรณีความคืบหน้าในการตรวจสอบทุจริตค่าหัวคิวสถานกักกันตัวของรัฐ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ว่าเป็นความจริงหรือไม่ หรือเพียงแค่พูดกัน ขอให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าเกี่ยวข้องกับใครก็ถือว่าเป็นความผิดส่วนบุคคล นโยบายรัฐไม่มีให้ใครไปเรียกค่าหัวคิว กระทรวงกลาโหมไม่เคยให้ใครไปเรียกเก็บ สาธารณสุขก็บอกว่าไม่ให้ใครไปเรียก ขอให้รอผลการตรวจสอบ ไม่ละเว้นใครอยู่แล้ว