“จิตภัสร์” ทนไม่ไหว โร่แจ้งความดำเนินคดีคนโพสต์เฟกนิวส์กล่าวหาทำลายป้าย สตช. ครวญถูกดิสเครดิตมานานร่วม 6 ปี ยันมีความตั้งใจทำหน้าที่ กมธ.ตำรวจ โฆษก ปชป.เชื่อทำเป็นขบวนการ
วันนี้ (25 พ.ค.) ที่ สน.วังทองหลาง น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และทนายความเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ เงินฉลาด รอง ผกก.สอบสวน สน.วังทองหลาง และ ร.ต.อ.ไพสาร ใจซื่อ รอง สว.สอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษแจ้งความดำเนินคดีต่อบุคคลที่โพสต์เฟซบุ๊ก หรือสื่อโซเชียลด้วยข้อความใส่ร้ายตนโดยการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าได้ทำลายป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติลงในสื่อโซเชียลมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า จำเป็นต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย หลังจากถูกกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต้องการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้ได้รับความเสียหายจากการใช้สื่อโซเชียลสร้างความเข้าใจผิด โดยโพสต์ข้อความและภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาใส่ร้ายตนว่าได้แสดงพฤติกรรมไม่สมควรโดยการยกเท้าเหยียบป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งบุคคลที่ปรากฏในภาพไม่ใช่ตน แต่ก็ยังมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยการแชร์ภาพถ่ายผู้หญิงที่เหยียบป้ายผ่านสื่อโซเชียลโดยมีการตัดต่อว่าเป็นตน และใช้ปลุกสร้างความเกลียดชัง แตกแยก มานานถึง 6 ปี ซึ่งในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่เกิดเหตุหน้าสำนักงาน สตช.นั้น ตนไม่ได้อยู่พื้นที่เกิดเหตุ ทางตำรวจเองก็ยืนยันแล้วว่าผู้หญิงที่ปรากฏในภาพเป็นบุคคลอื่น ไม่ใช่ตน จึงขอให้หยุดการแชร์ข่าวเท็จที่สร้างกระแสข่าวจากการบิดเบือนข้อเท็จจริงได้แล้ว วันนี้ประเทศกำลังเผชิญกับไวรัสโควิด-19 ขอให้ทุกคนช่วยเหลือกัน ตนในฐานะกรรมาธิการตำรวจฯ ไม่หนักใจกับกรณีที่ถูกใส่ร้ายนี้ ถูกจุดกระแสความเข้าใจผิดในเรื่องนี้เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากคนที่ต้องการสร้างความแตกแยก ยืนยันว่ามีความตั้งใจในการทำหน้าที่ กมธ.ตำรวจ เพื่อช่วยเหลือแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนและข้าราชการตำรวจ รวมถึงสมาชิกในครอบครัวตำรวจต่อไป
ด้านนายราเมศกล่าวว่า ตลอดเวลาทางเราโดนใส่ร้ายโจมตีมาตลอด วันนี้จึงเดินทางมาแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาท เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อคนที่แชร์ภาพและข่าวเท็จนี้ เข้าใจว่าทำเป็นขบวนการ โดยจะไม่มีการยอมความ เบื้องต้นได้แจ้งดำเนินคดีแค่เพียงคนเดียวคือคนที่โพสต์ ส่วนคนที่แสดงความคิดเห็น หรือแชร์ต่อ อยู่ที่ตำรวจจะพิจารณาดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะทำการออกหมายเรียกผู้ที่เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป