xs
xsm
sm
md
lg

จับตามติ”เอ้กบอร์ด “ จันทร์นี้ เอื้อเจ้าสัวหรือเกษตรกรรายย่อย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อเด็กปชป." แนะ จับตาเอ้กบอร์ดเคาะเงินชดเชยส่งออกไข่ไก่ฟองละ 50 สตางค์ อ้าง ขยับราคาช่วยเกษตรกรรายย่อย แต่เปิดทางทุนใหญ่คว้าชิ้นปลามัน ฟันกำไรสองเด้ง ทั้งเงินชดเชย-ราคาในประเทศสูงขึ้น คนซวยคือ ปชช.เตรียมจ่ายแพง พร้อมเสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนทราบว่าในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด )จะพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำ โดยปัจจุบันไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 2.40 บาทต่อฟอง จึงต้องผลักดันให้มีการส่งออก เพื่อขยับราคาในประเทศให้สูงขึ้นบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรรายย่อย สุดท้ายผู้บริโภคคือประชาชนก็ต้องซื้อไข่ไก่แพง เป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำกันต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว

“คำถามคือใครได้ประโยชน์สูงสุดจากนโยบายนี้ คำตอบง่าย ๆ คือ ทุนใหญ่ที่เป็นทั้งผู้ส่งออก ผู้นำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ขายลูกไก่ ไก่สาว ขายอาหารสัตว์ และขายไข่ไก่ หรือผู้ที่ทำธุรกิจในอุตสาหกรรมไข่ไก่ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำนั่นเอง เพราะเขาจะได้ประโยชน์ทั้งเงินชดเชยจากการส่งออก และฟันกำไรเพิ่มจากราคาในประเทศที่ขยับขึ้น แต่ถ้าไม่มีการชดเชยการส่งออก ก็ไม่ขาดทุน เพราะต้นทุนต่ำกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว แถมควบคุมราคาได้ตามใจชอบ อยากให้ราคาตกเพื่อบีบให้เกิดนโยบายที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็เทไข่ไก่จากห้องเย็นเข้าสู่ระบบเพื่อดั๊มพ์ราคา ส่วนเกษตรกรรายย่อยที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ ทำอะไรไม่ได้ เพราะนโยบายรัฐไม่เคยแก้ปัญหาที่ต้นทาง มีแต่ทำตามน้ำตามใจเจ้าสัวเท่านั้น”

นายเชาว์กล่าวว่าอีกหนึ่งคำถามที่คาใจที่รัฐไม่เคยมีคำตอบว่าเหตุใดเรื่องที่เกี่ยวกับราคาไข่ไก่ รัฐจึงขยับเข้าไปอุ้มอย่างรวดเร็ว แต่พอสินค้าเกษตรชนิดอื่นที่เจ้าสัวไม่ได้เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ทำไมจึงไม่ได้รับการดูแลในแบบเดียวกัน เพราะถ้าคิดว่านโยบายนี้ถูกต้อง ท่านต้องใช้วิธีเดียวกันนี้กับสินค้าเกษตรชนิดอื่นด้วย ไม่ใช่ท่องคาถาไข่ไก่ขาดทุนไม่ได้ต้องเข้าไปอุ้ม แต่สินค้าเกษตรอื่นราคาตกต่ำกลับอ้างกลไกตลาด"

อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ไว้ด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ที่ต้นเหตุ นั่นคือต้องลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร ลดการผูกขาดในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อขจัดปัญหาการตั้งราคาทุ่มตลาด โดยควรดำเนินการ ดังนี้

1. การนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ต้องเปิดเสรีอย่างแท้จริง ตามมติครม.ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการทลายทุนผูกขาดเป็นครั้งแรก ไม่ควรแก้ปัญหาไข่ไก่ราคาตกด้วยการไปจำกัดการนำเข้า เพราะสุดท้ายแล้วเกิดปัญหาเลือกปฏิบัติ บางรายถูกบีบให้นำเข้าน้อย ขณะที่รายใหญ่ยังดำเนินการได้อย่างเสรี ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม วิธีแก้ไขรัฐบาลควรเปิดช่องทางให้มีการกระจายพ่อแม่พันธุ์อย่างทั่วถึง ด้วยการพัฒนาสหกรณ์ให้มีศักยภาพในการนำเข้ามาเพื่อให้บริการขายลูกไก่ให้กับสมาชิก และผลิตอาหารสัตว์ได้เอง ลดต้นทุนให้กับเกษตรกรรายย่อย แทนการไปซื้อจากนายทุน จนถูกบังคับให้ต้องซื้ออาหารสัตว์พ่วงด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งให้เกษตรกรรายย่อยสามารถยืนหยัดแข่งขันได้ เมื่อเกษตรกรรายย่อยมีความเข้มแข็ง ก็จะทำให้มีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น ช่วยให้การแข่งขันมีมากขึ้น ลดการมีอำนาจเหนือตลาดของรายใหญ่ลง ส่งผลดีกับประชาชนที่เป็นผู้บริโภค

2. ปรับปรุง ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งผลการรวมธุรกิจ พ.ศ.2561 รัฐบาลต้องแก้ปัญหาทุนผูกขาดที่มีอำนาจเหนือตลาดไข่ไก่ โดยบังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 อย่างจริงจัง และต้องปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาผู้มีอำนาจเหนือตลาด ในประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งผลการรวมธุรกิจ พ.ศ.2561 ที่กำหนดเกณฑ์ยอดขายขั้นต่ำสำหรับธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาดใดตลาดหนึ่ง 1พันล้านบาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าสูงเกินไป จนเกิดการซิกแซ็กไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง

3. ควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนไม่ให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งทำธุรกิจไข่ไก่แบบครบวงจร ตั้งแต่นำเข้าพ่อแม่พันธุ์ ขายอาหารสัตว์ ขายลูกไก่ ไปจนถึงเป็นผู้ค้าไข่ไก่ด้วย เนื่องจากการให้ผู้นำเข้าเป็นผู้ผลิตและผู้ค้าไข่ไก่ด้วย จะทำให้เกิดความได้เปรียบ นำไปสู่การกีดกันทางการค้า มีอำนาจเหนือตลาด เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

"ถ้ารัฐบาลทำได้จะเป็นการแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ที่ต้นทาง นอกจากจะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรรายย่อยแล้ว ประชาชนก็จะได้รับประโยชน์ จากการแข่งขันที่เป็นธรรมด้วย และยังช่วยทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลเห็นหัวคนจน ไม่ใช่ถนัดแต่ออกนโยบายเอื้อเจ้าสัว เหมือนที่มีการครหากันอยู่ในขณะนี้”นายเชาว์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น